"รังสิมา" เชียร์ ประธานสภาฯล้มประมูลร้านอาหารจัดเลี้ยง ส.ส.-ส.ว. หลังเกิดข้อครหาล็อบบี้จ่ายเงินใต้โต๊ะ ทำสภาเสียหาย เสนอใช้วิธีแตะบัตรแบบศูนย์อาหาร ประหยัดงบได้มากไม่ถึง 100 ล้านเหมือนปัจจุบัน
น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคณะกรรมการคัดเลือกผู้ประกอบการร้านอาหารจัดเลี้ยง ส.ส.และ ส.ว. เปิดเผยว่า ขณะนี้ผลการคัดเลือกผู้ประกอบการยังไม่ออก แต่เมื่อนายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ แฉว่ามีการล็อบบี้และจ่ายเงินประมูลร้านอาหารจัดเลี้ยง ส.ส. จึงมองว่า ทำให้เกิดความเสียหายกับคณะกรรมการ จึงอยากให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ตรวจสอบว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงหรือไม่ และมีการจ่ายเงินกันจริงหรือไม่ หากเกิดขึ้นจริง ต้องทำโทษ เพราะทำให้สภาเสียหาย แต่ส่วนตัว ไม่ทราบว่า มี ส.ส.ถูกล็อบบี้กี่คน เพราะเขาคงไม่กล้ามาล็อบบี้ตนเอง ซึ่งในขั้นตอนคัดเลือก เราก็จะชิมว่า ร้านนี้รสชาติเป็นอย่างไร คุณภาพอย่างไร สะอาดหรือไม่ แต่หากมีเรื่องอย่างนี้ ก็ไม่ควรมีผลการคัดเลือกออกมา เพราะถือว่า ไม่โปร่งใส ควรยกเลิกวิธีการเก่าๆนี้ไปเลย ไม่ต้องประมูลใหม่ โดยอยากให้เปลี่ยนวิธีการไปใช้บัตรเติมเงินเหมือนศูนย์อาหาร เพื่อให้ ส.ส.มีโอกาสได้เลือกร้านที่อยากรับประทาน และไม่ต้องเกิดปัญหาการผูกขาดร้านใดร้านหนึ่ง ดังนั้น จึงอยากให้ใช้วิธีแตะบัตรเติมเงิน เมื่อ ส.ส.หิวตรงไหน ก็เลือกทานตรงนั้น จะทำให้เงินงบประมาณเหลืออีกมาก เพราะหากใช้เงินในบัตรทานอาหารไม่หมด ก็เหลือคืนคลังได้
นางสาวรังสิมา ยังกล่าวถึงค่าอาหารของ ส.ส.ว่า ปกติแล้ว 1 วัน ประชุมจะได้คนละ 1,000 บาท วันละ 500,000 บาท คิดเป็นงบประมาณต่อปีประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งเป็นอาหารที่ทางร้านจัดมาให้ ไม่มีสิทธิ์เลือกรับประทาน อย่างไรก็ตาม มองว่า 1,000 บาทสำหรับ ส.ส.ไม่ถือว่าแพงเกินไป เพราะทำงานให้กับประชาชน ไม่สามารถออกไปกินข้างนอกได้ เพราะต้องประชุมสภาฯ แต่ถ้าใช้วิธีแตะบัตรเติมเงิน น่าจะใช้งบประมาณแค่ 50 ล้านบาทเท่านั้น
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมา สภามีข้อครหาว่า มีการผูกขาดร้านอาหารจริงหรือไม่ นางสาวรังสิมา ยอมรับว่า เคยเห็นการเปลี่ยนแปลงแค่ 1-2 ร้าน แต่บางร้านเข้ามาก็ถูกกลั่นแกล้ง ทั้งเอาเกลือไปโรย เอาข้าวสารไป ร้านนั้นก็อยู่ไม่ได้ ประกอบกับร้านที่จัดเลี้ยงให้ ส.ส.-ส.ว.ในสภาต้องทุนหนา เพราะเกิดเหตุการณ์จาน ชาม ช้อนหายทุกวัน บางคนกินแล้วก็เอากลับไปเก็บไว้ที่ห้องพักส่วนตัว แล้วไม่เอามาคืน ดังนั้น ร้านอาหารที่ไม่มีทุนหนาก็เจ๊งทั้งหมด จึงเหลือเพียงไม่กี่เจ้าที่ทำธุรกิจแล้วมาประมูลได้