ตำรวจตรวจค้น 34 จุด ใน 3 จังหวัด เพื่อติดตามปืนหลวงที่ถูกลักจาก สภ.ปากเกร็ด สามารถจับผู้ต้องหาได้ 4 ราย ได้ปืนคืน 64 กระบอก

วันที่ 10 พ.ย. 2565 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นำทีมแถลงความคืบหน้าคดีตำรวจลักปืนหลวง จากกรณีเมื่อวันที่ 6 ต.ค. ที่ผ่านมา สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ตรวจสอบพบว่าปืนในคลังของทางราชการ หายไปถึง 160 กระบอก ซึ่งต่อมาสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุ คือ ด.ต.เชาวลิต พุ่มขจร ผบ.หมู่ สภ.ปากเกร็ด ซึ่งมีหน้าที่ดูแลคลังอาวุธปืนดังกล่าว แต่แอบทยอยลักเอาปืนหลวงออกไปจำหน่ายและจำนำ

วันนี้ ตำรวจภูธรภาค 1 ได้ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นเพื่อติดตามหาอาวุธปืนที่ถูกลักไปทั้งสิ้น 34 จุด ใน 3 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี 29 จุด กรุงเทพฯ 4 จุด และปทุมธานี 1 จุด ผลการปฏิบัติสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 4 ราย ประกอบด้วย
1. นายธีระวัฒน์ อายุ 38 ปี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
2. นายกิตกร อายุ 52 ปี อยู่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
3. น.ส.รุ่งรัตน์ อายุ 40 ปี อ.เมือง จ.นนทบุรี
4. น.ส.วรรณพร อายุ 24 ปี เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร
โดยผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย จะถูกดำเนินคดีในความผิดฐานรับของโจร

ความคืบหน้าล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามอาวุธปืนราชการกลับมาได้แล้ว จำนวน 64 กระบอก ดังนี้
1. อาวุธปืนพกกึ่งอัตโนมัติขนาด 9 มม. ยี่ห้อ Sig Sauer จำนวน 20 กระบอก
2. อาวุธปืนพกกึ่งอัตโนมัติขนาด 9 มม. ยี่ห้อ GLOCK จำนวน 7 กระบอก
3. อาวุธปีนพกสั้นลูกโม่ ขนาด 38 ยี่ห้อ Smith and Wesson จำนวน 30 กระบอก 4. อาวุธปีนยาว COLT M4 จำนวน 7 กระบอก

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีดังกล่าว แม้ในส่วนของคดีหลักจะสามารถจับกุมดำเนินคดีกับตัวผู้ก่อเหตุลักอาวุธปืนราชการได้แล้ว แต่ในส่วนของอาวุธปืนที่ถูกลักออกไปนั้น จำเป็นจะต้องมีการติดตามกลับมาให้ได้โดยเร็วที่สุด ซึ่งได้สั่งการให้เร่งรัดในการติดตามอาวุธปืน และดำเนินคดีกับผู้ที่รับซื้ออาวุธปืนที่ถูกลักไปทั้งหมด ในเวลานี้สามารถติดตามปืนกลับมาได้แล้ว 64 กระบอก และจับกุมผู้รับซื้อหรือช่วยซุกซ่อนอาวุธปืนดังกล่าวได้แล้วจำนวน 4 ราย ในส่วนของอาวุธปืนที่เหลือนั้น เจ้าหน้าที่ได้เร่งรัดการติดตามอาวุธปืนดังกล่าวกลับมา และอยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีก ซึ่งหากพบว่ามีผู้รับซื้อหรือช่วยซุกซ่อนอาวุธปืนราชการที่ถูกลักไปอีกนั้น จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด