หมอหนุ่มวัย 28 เปิดเพจแชร์เรื่องราว เป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ทั้งที่ดูแลสุขภาพอย่างดี และชีวิตก็กำลังไปได้สวย
โดยคุณหมอได้แชร์เรื่องราวผ่านเพจเฟซบุ๊ก “สู้ดิวะ” มีข้อความระบุว่า
สวัสดีครับ
วันนี้จะขอแนะนำตัวเองนิดนึงครับ
ผมชื่อ กฤตไท ธนสมบัติกุล ครับ ปัจจุบันอายุ 28 ปีครับ
ผมจะพยายามเล่าให้กระชับที่สุดละกันนะครับ
…
ผมเกิดในครอบครัวใหญ่ครับ นึกภาพครอบครัวที่มีอากงอาม่า กับหลานๆหลายสิบชีวิตครับ
ผมมีชีวิตวัยเด็กที่มีความสุขมากๆครับ กินเก่ง เล่นเก่ง พูดเยอะ เป็นเด็กน้อยตาตี่อ้วนกลมที่อารมณ์ดีมากๆครับ
แต่ชีวิตผมก็มีจุดเปลี่ยนตรงช่วงมัธยมต้น ครอบครัวผมมีปัญหานิดหน่อย พ่อแม่ผมท่านได้ตัดสินใจอยู่ห่างกัน ซึ่งดีต่อท่านทั้งสองจริงๆ แต่ในมุมของผม มันทำให้ผมต้องเติบโตอย่างก้าวกระโดด เพราะต้องอยู่กับแม่และน้องสาว ผมต้องเป็นผู้ใหญ่ทันที
ซึ่งมองย้อนกลับไป ผมขอบคุณเหตุการณ์ครั้งนั้นมากๆที่ทำให้ผมได้อ่านหนังสือ ได้พัฒนาความคิดและทัศนคติตัวเองขึ้นมา ถ้าไม่ได้เจอเรื่องนี้ ผมคงยังเป็นคุณชาย เป็นเด็กมัธยมธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
ผมเป็นคนที่มีเพื่อนฝูงมากมายตั้งแต่ประถมจนถึงมัธยม คือต้องบอกว่าผมให้ความสำคัญกับเรื่องเพื่อนมากกว่าเรื่องเรียน
…
ผมได้มีช่วงชีวิต 6 ปีที่ทรงคุณค่าที่สุดในโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ผม OSK 131 ครับ
แน่นอนครับ ขึ้นชื่อว่าสวนกุหลาบ ผมมีความเป็นสวนกุหลาบอย่างที่สุด และผมมีเพื่อนสวนกุหลาบที่เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม
ผมได้ถูกปลูกฝังให้เป็นสุภาพบุรุษสวนกุหลาบ รักเพื่อน เคารพพี่ นับถือครู กตัญญูพ่อแม่ ดูแลน้อง
…
หลังจากจบสวนกุหลาบ ผมได้สอบติด คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รุ่น 56 ครับ
ชีวิตได้ขึ้นเหนือในวัย 18 ปี เป็นจุดเปลี่ยนชีวิตที่สำคัญเลยครับ จากเด็กกรุงเทพ ย้ายมาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศเชียงใหม่
โอเค ผมเรียนหมอ 6 ปีครบตามเวลา ไม่ขาดไม่เกินครับ เนื่องจากว่าผมมาเชียงใหม่คนเดียว จึงได้มามีเพื่อนใหม่ที่นี่ทั้งหมด ผมโคตรรักพวกมันเลย เพื่อนชาวเหนือ พาผมไปกินอาหารแปลกๆ เรียนรู้วัฒนธรรม คำเมือง การใช้ชีวิต ซึ่งทุกอย่างมันมาผ่านบาสเกตบอลครับ ผมเป็นนักบาสเกตบอลของคณะแพทย์เชียงใหม่ที่ยิ่งใหญ่ครับ เรื่องราวเยอะมากๆ
คราวนี้ผมเรียนจบหมอละ ก็เรียนต่อเฉพาะทางต่ออีก 3 ปีทันทีเลยครับ
ผมเลือกสาขา เวชศาสตร์ครอบครัว (Family Medicine) เป็นแพทย์ใช้ทุนร่วมกับเรียนต่อเฉพาะทางที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ครับ เรื่องแฟมเมดเองก็เล่าได้อีกหนึ่งตอนใหญ่ๆเหมือนกันครับ ทำไมคนแบบผม ที่หยิบคนมาสิบคนก็ไม่มีใครบอกว่าผมดูเป็นหมอแฟมเมด แต่ทำไมผมถึงเลือกเรียนสาขานี้ และ ที่สำคัญคือทำไม ผมถึงเลือกที่เมื่อเรียนจบแล้ว ผมกลับไม่ได้ปฏิบัติงานในฐานะหมอแฟมเมด แต่กลับย้ายมาทำงานสายระบาดวิทยาคลินิก น่าสนุกใช่ไหมครับ ไว้เรามาว่ากันครับ
.
ระหว่างที่เรียนเฉพาะทาง ผมก็ฟิตมากพอที่จะไปศึกษา สาขาเฉพาะทางอีกอันหนึ่งคือ ระบาดวิทยาคลินิก (Clinical Epidemiology and Clinical Statistic) สาขาที่เรียกได้ว่าหลายคนในประเทศไทยอาจจะยังไม่รู้จักด้วยซ้ำ แต่หลักๆคือเป็นศาสตร์ของการตอบโจทย์ ตอบปัญหาของหมอในกระบวนการรักษาคนไข้ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และสถิติ สร้างผลงานวิจัยเพื่อช่วยให้กระบวนการดูแลคนไข้นั้นดีขึ้นครับ
และ
ผมยังฟิตกว่านั้น ด้วยการเรียนปริญญาโท วิทยาการข้อมูล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (Data Science) อีกใบพร้อมกันไปเลย สนุกมากครับ ปัจจุบันก็เรียนจบด้วยดี กำลังจะรับปริญญาแล้วครับ ได้เรียนรู้เรื่องข้อมูล เรื่องแนวคิดทางธุรกิจ การแก้ปัญหาด้วยแนวคิดทาง DS และวิธีการจัดการกับข้อมูลต่างๆ เพื่อพร้อมรับมือกับโลกอนาคตครับ
.
โอเคครับ ปัจจุบัน ผ่านไป 3 ปี ผมจบแพทย์เฉพาะทางเวชศาสตร์ครอบครัว และปริญญาโทวิทยาการข้อมูล
ผมได้บรรจุเป็นอาจารย์ประจำศูนย์ระบาดวิทยาคลินิกและสถิติศาสตร์คลินิก ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผมทำงานได้สองเดือนแล้วครับ ผมค่อนข้างมีทักษะในเรื่องการเล่าเรื่องและการสอนครับ
เรากำลังสร้างทีมกัน สร้างทีม CE (clinical epidemiology) เชียงใหม่ กับสุดยอดอาจารย์แห่งยุคและทีมงานคุณภาพ
.
ในส่วนของการใช้ชีวิตเอง ผมชอบออกกำลังกายมากครับ เนื่องจากเป็นนักกีฬาด้วย เข้ายิมด้วย ดูแลสุขภาพดีมากๆ ครับ ให้ความสำคัญกับอาหารและการนอนหลับ ชอบอ่านหนังสือ ฟัง podcast ลงทุน ตามสไตล์วัยรุ่น productive ครับ
ชีวิตในวัย 28 ปี หลังจากผ่านการลงทุนในตัวเองมาอย่างหนักหน่วง ผมได้เริ่มวิ่งตามความฝันอย่างเต็มที่ เดินตามแผนที่วางไว้ได้อย่างงดงาม
ผมกำลังจะแต่งงาน กำลังจะซื้อบ้าน
แล้ว… ผมก็เป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้ายครับ