คดีสาวทอมอ้างถูกข่มขืน ร่างกฎหมายทาส ทนายฝ่ายผู้เสียหายออกมาชี้แจง คบกัน 2 หญิง 1 ชาย สัญญาเป็นเพียงป้องกันในเรื่องชู้เท่านั้น ไม่มีการบังคับขู่เข็ญ พร้อมโชว์ภาพประกอบ
ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.ชลบุรี นายเอกสิทธิ์ ศรีสังข์ ทนายความของผู้เสียหายเกี่ยวกับคดีสาวทอม ได้นำทนายความเข้าแจ้งความกับสามีภรรยา พร้อมทั้งอ้างว่าถูกข่มขืนและถูกบังขู่เข็ญ พร้อมทั้งออกข่าวทำให้เกิดความเสียหายกับสามีภรรยา จึงได้ออกมาแถลงข่าวกับสื่อมวลชนว่า กรณีที่สาวทอมอดีตลูกจ้างทำงานเกี่ยวกับบัญชี ที่บริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.ชลบุรีไปออกข่าวหรือไปแจ้งความว่าถูกข่มขืนกระทำชำเราหรือกักขังหน่วงเหนี่ยว ความจริงในเรื่องนี้ถือว่าเป็นชู้กับเมียเจ้าของบริษัทโลจิสติกแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.ชลบุรี พอมาถูกจับได้ก็มีการพบและเลิกกับภรรยาผู้เสียหายหลายครั้ง ระหว่างที่คบหากันได้มีการพูดจาขอความเห็นใจ และได้เงินจากภรรยาของผู้เสียหายไปไม่น้อยกว่า 500,000 บาท พร้อมทรัพย์สินต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ แหวนแบนด์เนม แต่พฤติกรรมของสาวทอมก็ยังไม่ยอมหยุด จนเวลาเนิ่นนานกว่า 5-6 ปี และมีการจับได้เมื่อช่วงต้นปี 2565 ที่ผ่านมา
หลังจากนั้นผู้เสียหายฝ่ายชายได้เสนอทางเลือก 2 ทางคือ ต้องคืนเงินรวมทั้งทรัพย์สินที่ได้ไป หรือหากรักภรรยาของผู้เสียหายมาก เมื่ออยู่กันมา 5-6 ปี จึงเสนอให้มาอยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน หลังจากนั้นจึงได้ตกลงมาอยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน ในลักษณะชาย 1 หญิง 2 มาอยู่บ้านเดียวกัน และมีสัมพันธ์ในเชิงชู้สาว และมีเพศสัมพันธ์กันโดยความสมัครใจยินยอมด้วยกันทุกฝ่าย รวมทั้งมีการไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ อย่างเปิดเผยทั้งในและต่างประเทศ และหลับนอนด้วยกันโดยไม่มีการกักขังหน่วงเหนี่ยวแต่อย่างใด อาทิ ไปประเทศสิงคโปร์ นอนโรงแรมหรูในพัทยา รวมทั้งโรงแรมในกรุงเทพฯ ไปร้านอาหารก็ถ่ายรูปร่วมกันทั้ง 3 คนกันอย่างเปิดเผย
นายเอกสิทธิ์กล่าวว่า ต่อมาฝ่ายทอมได้มีการร้องขอการไปอยู่ในลักษณะชาย 1 หญิง 2 หากไม่มีการพอใจกันขึ้นมาอาจจะมีการฟ้องร้องในเรื่องของการเป็นชู้ เพราะผู้เสียหายมีทะเบียนสมรสกันอยู่ จึงทำข้อตกลงเพื่อป้องกันตัวเอง โดยมีข้อห้ามในเรื่องการทำร้าย ทำให้เสียชื่อเสียง แต่ข่าวที่ออกไปกลายเป็นสัญญาทาส จากการตรวจสอบหลักฐานแล้ว ไม่ใช่เป็นเรื่องของสัญญาทาสแต่อย่างใด แต่เป็นการทำสัญญาที่มีข้อตกลงกันเอง โดยไม่การบังคับหรือขู่เข็ญแต่อย่างใด
"เมื่อมีการคบกันสักระยะหนึ่งคาดว่าคงไม่มีเรื่องไม่เข้าใจกัน ระหว่าง 2 เมีย 1 ผัว จึงเกิดการทะเลาะกัน จึงไปกล่าวหาว่าเป็นเรื่องข่มขืนกระทำชำเรา ในความเป็นจริงไม่ใช่ และพยายามออกข่าวเพื่อเป็นกระแสสังคมมากดดันพนักงานสอบสวน การมาชี้แจงในครั้งนี้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและพร้อมจะต่อสู้คดีในชั้นศาล" นายเอกสิทธิ์กล่าวและว่า หากไม่ออกมาชี้แจง สังคมอาจไม่เข้าใจและฟังข้อมูลฝ่ายเดียว เชื่อว่าประชาชนที่รับข่าวสาร หากมีสติและไตร่ตรอง ก็คงจะมีข้อกังขาในใจ โดยข่มขืนหลายครั้ง หลายทีแต่ไม่แจ้งความ ประกอบกับมีภาพประกอบว่าไปเที่ยวไหนด้วยกันแล้วโดยเฉพาะไปต่างประเทศ รวมทั้งสัญญาทาสดูแล้วก็ไม่มีอะไร
นายเอกสิทธิ์กล่าวอีกว่า ในเรื่องนี้ไม่กังวลในการต่อสู้คดีในชั้นศาล แต่ต้องมาพูดเพราะว่า หากไม่พูดสังคมจะไม่เข้าใจ สุดท้ายเชื่อว่าคดีจะจบลงด้วยดี เพราะถือว่าเป็นคนในครอบครัว แต่มีปัญหาไม่เข้าใจกันเท่านั้นเอง สุดท้ายหากมานั่งคุยและปรับความเข้าใจกันเชื่อทุกฝ่ายคงจบลงไปด้วยดี
ส่วนสัญญาที่อ้างว่าเป็นทาสดูแล้วเป็นเรื่องข้อตกลงมีการคบกัน 3 คน หากจะเลิกก็ต้องสมัครใจเลิกกันทั้ง 3 คน และจะไม่ทำร้ายกัน ซึ่งไม่มีการบังคับอะไรกันเลย ส่วนการประสานงานกับทางสาวทอมนั้น ยอมรับว่าติดต่อไปแล้ว แต่ไม่มีการตอบไลน์ หากพนักงานสอบสวนออกมาหมายเรียกมาคงต้องไปชี้แจง ยอมรับว่าสองผัวเมียขณะนี้เครียดมาก จากที่มีข่าวออกมา และทำให้เสียชื่อเสียง ที่สำคัญเป็นการออกข่าวฝ่ายเดียว จึงได้ออกมาชี้แจงข้อมูลให้สังคมทราบบ้าง และตนเองจะไปพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 11 พฤศจิกายน เพื่อขอทราบข้อมูล เพื่อมาเตรียมการในการยื่นคำให้การในคดีนี้ต่อไป