อ้างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ "แก๊งสาวสอง" ดอดพบตำรวจและไปไหว้ขอขมา "หลวงพ่อโสธร" แล้ว หลังก่อเรื่องฉาวแต่งตัวสุดวาบหวิวทำคอนเทนต์หน้าวัด

หลังจากที่มีกระแสเรียกร้องจากพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนชาวจังหวัดฉะเชิงเทรา ให้กลุ่มบุคคลที่แต่งกายวาบหวิวเข้ามาไหว้ขอขมาต่อองค์หลวงพ่อโสธร เพราะรับไม่ได้กับพฤติกรรมที่ก้าวล่วง

 

ต่อมาวานนี้ (18 พ.ย.65) นายโอลี่ อายุ 16 ปี นายคูก้า อายุ 17 ปี และนายวินเทอร์ อายุ 17 ปี สามสาวประเภท 2 ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.นเรวิช สุคนธวิท ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทราพ.ต.อ.พงศ์พัชร์ แจ้งหมื่นไวย์ ผกก.สส.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา โดย พล.ต.ต.นเรวิช สุคนธวิท ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ได้สอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น พร้อมอบรมสั่งสอนในการกระทำอันไม่เหมาะสมให้เยาวชนทั้งสามได้รับทราบ ถึงความเหมาะสมในแง่ของคนพุทธ

 

พร้อมกันนี้ได้ให้เยาวชนทั้งสามปรับปรุงตัว และแนะนำให้เยาวชนทั้งสามเดินทางไปกราบขอขมาองค์หลวงพ่อโสธรที่วัดโสธรวรารามวรวิหาร เพื่อการกระทำการขอโทษและสำนึกผิด ที่อัดวีดีโอคลิปเผยแพร่ออกมาก่อนหน้านี้ ถือว่าไม่ถูกต้องและสมควร ซึ่งเยาวชนทั้งสามคนก็สำนึกผิด กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการที่กระทำลงไป จากนั้นได้ส่งตัวให้ ร.ต.ท.ธนวัฒน์ ทองเจริญ รอง.สว. (สอบสวน) สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ทำการเปรียบเทียบปรับตาม ป.อาญา มาตรา 388 ในข้อหากระทำการขายหน้าต่อทารกำนัน หรือกระทำการโดยลามก โดยได้ปรับคนละ 500 บาท ก่อนจะปล่อยตัวไป


กระทั่งเวลา 19.00 น. วันเดียวกัน ทั้งสามคนได้เดินทางไปยังพระอุโบสถวัดโสธรวรารามวรวิหาร โดยแต่งตัวสุภาพ ผมสั้น ไม่สวมใส่วิก นำดอกไม้ธูปเทียน เข้าไปกราบขอขมาต่อหน้าหลวงพ่อโสธรภายในพระอุโบสถวัดโสธร

 

นายวินเทอร์ เป็นตัวแทนของทั้งสามคน ได้เปิดเผยว่า พวกตนได้เข้ากราบขอขมาและสำนึกผิดในการกระทำดังกล่าว โดยหวังว่าสังคมจะให้อภัยในการกระทำที่รู้เท่าไม่การณ์ของพวกตน และขอยืนยันว่าทางร้านรถจักรยานยนต์ ที่พวกตนได้นำรถจักรยานยนต์มาทำคอนเทนต์นั้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำดังกล่าวแต่อย่างใด เนื่องจากพวกตนได้เข้ามาขอติดต่อเสนองานกับทางร้านว่าจะถ่ายทำวีดีโอคอนเทนต์โปรโมททางร้านให้

 

หากเป็นที่สนใจจะขายคอนเทนต์นั้นให้กับทางร้านอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งการถ่ายทำพวกตนเป็นผู้คิดคอนเทนต์ดังกล่าวเอง ซึ่งกระทำไปเพียงเพื่อสื่อถึงความเป็นจังหวัดฉะเชิงเทรา แต่จากความคิดน้อยไป ไม่ได้ตระหนักถึงว่า สิ่งที่ได้กระทำนั้นเป็นการกระทำที่ไม่สมควรจนเป็นกระแสลบทางสังคม ซึ่งพวกตนขอยอมรับผิดแต่เพียงฝ่ายเดียว และขอกราบขอขมากรรมในสิ่งที่เกิดที่กระทบจิตใจต่อชาวแปดริ้วและผู้ที่ศรัทธาองค์หลวงพ่อโสธร