ตำรวจบุกจับสถานบันเทิงที่เพิ่งเปิดใหม่วันแรก ที่ตั้งเดียวกับเมาน์เทนบี ผับมรณะ 26 ศพ เชิญเจ้าของร้านแจงเปิดได้อย่างไร เพราะอยู่บนโฉนดผืนเดียวกัน ที่มีคำสั่งปิดเป็นเวลา 5 ปี
เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 19 พฤศจิกายน 2565 พลตำรวจตรีนันทวุฒิ สุวรรณละออง รองผู้บัญชาการตำรวจตำรวจภูธรภาค 2 รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี พร้อมกำลังตำรวจ สภ.พลูตาหลวง และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอสัตหีบ เข้าตรวจสอบร้าน NEVER LAND ที่เมื่อวานนี้ เพิ่งเปิดวันแรก หลังเปลี่ยนชื่อจากผับเมาน์เทนบี และตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับผับเมาน์เทน บี ที่เกิดเหตุไฟไหม้ไป วันที่ 5 สิงหาคม 2565 ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเกือบ 40 คน และเสียชีวิต 26 คน แต่คดีความยังอยู่ในกระบวนการ ทั้งสาเหตุเพลิงไหม้ และการเยียวยา
พลตำรวจตรีนันทวุฒิ รองผู้บัญชาการตำรวจตำรวจภูธรภาค 2 กล่าวว่า จากการตรวจสอบ ร้าน NEVER LAND เปิดเป็นร้านอาหาร กำลังจะมีการแสดงดนตรี และจำหน่ายสุรา จึงเชิญเจ้าของร้านไปที่ สภ.พลูตาหลวง เพื่อให้ไปแสดงเอกสารทั้งหมด ถ้าตรวจสอบแล้วอยู่ในโฉนดเดียวกัน ก็ผิดตามคำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เนื่องจากยังมีคำสั่งปิดเป็นเวลา 5 ปี ในวันนี้อะไรที่ผิดกฎหมายเราดำเนินการอย่างเต็มที่และเฉียบขาด และในส่วนอื่นให้ปิดไปก่อน จนกว่าจะมีใบอนุญาตครบถ้วนตามกฎหมาย
ขณะที่นายพงศ์ศิริ ปั้นประสงค์ หรือ เสี่ยบี อายุ 27 ปี เจ้าของผับเมาท์เทนบี ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงประเด็นที่กำลังถูกสงสัย ระบุข้อความว่า "ที่ผ่านมายอมรับผิดและพร้อมจะชดใช้ในสิ่งที่ไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้นเลย ชีวิตผมพังทลาย เงินที่ผมพยายามทำมาหากินมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาได้นำมาเยียวยาและเป็นค่าใช้จ่ายในเรื่องที่เกิดขึ้นจนหมด ทรัพย์สินที่มีพร้อมจะขายหาเงินมาเยียวยา ไม่ได้เพิกเฉย
แต่ตอนนี้ผมจำเป็นต้องทำมาหากิน และ ขอโอกาสให้เจ้าของกิจการใหม่ได้ทำมาหากินอย่าโจมตีร้าน เพราะร้านและพนักงานไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ให้โอกาสพนักงานทุกคนได้มีงานทำให้พวกเขาได้มีรายได้ เพื่อเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัว ส่วนตัวจะพยายามดิ้นร้นหาเงินมาชดใช้และเยียวยาต่อไปถึงจะไม่ได้มากตามที่ทุกคนขอแต่ผมก็จะพยายามครับ ที่ด่าว่าผมเลวระยำ สันดานต่ำ ไม่มีจิตสำนึก ผมยอมรับผิดเองครับ"
ทีมข่าวช่อง 8 ได้โทรศัพท์ไปพูดคุยเปิดใจกับ "ฟร้อง" ภูริณัฐ ไม้เจริญ ซึ่งเป็น 1 ในผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุไฟไหม้ กรณีที่เจ้าของร้านเมาน์เทนบี เปิดร้านใหม่ เปลี่ยนชื่อใหม่ เดินหน้าทำธุรกิจ ในวันที่ผู้ได้รับบาดเจ็บหลายๆ คน ยังไม่หายเจ็บ
คุณฟร้อง เผยว่า ส่วนตัวรู้สึกไม่โอเค ที่ได้ยินข่าวว่า เปิดร้านใหม่ ทั้งที่การเยียวยายังไม่ดีพอ ในขณะที่ชีวิตผู้บาดเจ็บ ยังต้องเข้าออกโรงพยาบาล ผ่าตัดอีกหลายรอบ แต่อีกฝ่ายกลับไปใช้ชีวิตปกติ ยอมรับว่ารู้สึกแย่ ในวันที่โปรโมทร้านใหม่ แจกเครื่องดื่มลูกค้า แต่สวนทางกับการเยียวยา ให้เงินเป็นรอบๆ ทำให้ไม่เพียงพอค่ารักษา ค่าเดินทาง ค่าทำแผล ค่าผ่าตัด มีรายจ่าย ไม่มีรายรับ เงินเยียวยาที่จ่ายมา เป็นเพียงเสี้ยวเดียวกับความเสียหายที่เกิดขึ้น
คุณฟร้อง ฝากถึงเสี่ยบีว่า ต้องการการเยียวยาที่ดีกว่านี้ ทางร้านอาจจะมองว่า ทำไปแล้ว แต่อยากให้ลองคิดว่าเพียงพอ เหมาะสมแล้วหรือไม่ ชีวิตคนอื่น มีค่าแค่นั้นหรือไม่ ตั้งแต่เกิดเรื่อง ไม่เคยเห็นเจ้าของทักมาหา มีเพียงผู้จัดการร้านเป็นคนดำเนินการ ไม่รู้ว่าตั้งใจรับผิดชอบจริงหรือไม่ และที่เสี่ยบี อ้างว่า บอกขอโอกาสทำงานหาเงิน เพื่อนำเงินมาจ่ายเยียวยาคนเจ็บ ก็ไม่รู้ว่าพูดจริงไหม หรือพูดไปเรื่อย เพราะไม่มั่นใจว่าได้เงินมาแล้ว จะมาเยียวยาผู้บาดเจ็บจริง ๆ