"ชูวิทย์" เปิดชื่อ "ธรรมนัส" ช่วยประสานเครื่องบิน "ตู้ห่าว" ลงจอดสนามบินร้อยเอ็ด ยังไม่ชัดเอี่ยวฟอกเงินหรือไม่ มั่นใจฝีมือ "บิ๊กโจ๊ก" สางคดี พร้อมแฉมีตัวกลางพา "ตู้ห่าว" เข้าพบคนชอบสะสมนาฬิกา

วันที่ 23 พ.ย.65 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กล่าวถึงกรณีที่ตำรวจออกหมายจับ "ตู้ห่าว" ว่า ใครเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน ถึงปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านมาเกือบเดือน หมายจับเพิ่งออกวันนี้ ทั้งที่เป็นคดีร้ายแรงมาก พร้อมตั้งข้อสังเกต ว่า นายตู้ห่าวสนิทกับรัฐมนตรีคนไหน จากที่ตนเองเคยเปิดเรื่องสนามบินไป ก็พบว่าเครื่องบินที่นายตู้หาวใช้ มีความเชื่อมโยงกับรัฐมนตรีคนหนึ่ง และมักจะใช้เครื่องบินลำนี้ไปใช้หาเสียงอยู่บ่อย ๆ อีกทั้ง การขออนุญาตลงจอดก็ต้องขออนุญาตโดยรัฐมนตรี ไม่ใช่นายตู้ห่าวเพราะนายตู้ห่าวไม่ได้เป็นสมาชิกฝูงบิน 604 ซึ่งแสดงถึงอิทธิพลของนายตู้ห่าว และนายตู้ห่าวเป็นคนจีนไม่รู้เรื่องการเมืองไทย แต่มีคนพานายตู้ห่าวไปพบกับคนที่ชอบสะสมนาฬิกา เพื่อไปกราบให้เห็นถึงบารมี

จากนั้นก็มีการส่งมอบนาฬิกาปาเต๊ะมูลค่า 10 ล้านบาทให้ นอกจากนั้นยังมีเรื่องเงินหลาย 100 ล้าน เข้ามาเกี่ยวข้อง รวมถึงเงินบริจาคให้พรรคพลังประชารัฐ จำนวน 3 ล้านบาท ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า นายตู้ห่าว มี 2 สัญชาติ ทั้งไทยและจีน และยังใช้พาสปอร์ตจีนอยู่ ดังนั้น จึงไม่ทราบว่าข้อกฎหมายของ กกต. ให้คนที่ถือ 2 สัญชาติบริจาคเงินพรรคการเมืองได้หรือไม่ ส่วนหลังจากนี้ถือเป็นหน้าที่ของตำรวจใยการตรวจสอบ เพราะวันนี้ถือว่าหมดหน้าที่ของตนเองแล้ว

เมื่อผู้สื่อข่าว พยายามถามจี้ว่า รัฐมนตรีที่เข้ามาเกี่ยวข้องเรื่องนี้เป็นใคร นายชูวิทย์ไม่ตอบคำถาม แต่ได้เป่าปากแทนคำตอบ ก่อนผู้สื่อข่าวถามย้ำอีกครั้ง นายชูวิทย์จึงยอมรับว่า เป็นอดีตรัฐมนตรีที่เคยอยู่พรรคพลังประชารัฐ และบอกด้วยว่า สัปดาห์ที่ผ่านมามีการโทรศัพท์มาเครียร์และบีบด้วยวิธีการมาเฟียทุกรูปแบบ แต่ยืนยันว่าไม่กลัว และพร้อมรับผิดชอบคำพูดตนเอง วันนี้วิบากกรรมมีสัมภเวสีอยู่ ซึ่งไม่เคยกลัวและจะรอ

จากนั้นผู้สื่อข่าวพยายามถามถึงความเชื่อมโยงถึงอดีตรัฐมนตรี ทำให้นายชูวิทย์ ยอมเปิดโทรศัพท์ให้ผู้สื่อข่าวดูหลักฐาน เป็นเอกสารลงวันที่ 9 มี.ค.65 ขออนุญาตเที่ยวบินส่วนบุคคลบินขึ้นลง และจอดพักที่ท่าอากาศยานร้อยเอ็ด โดยมีร้อยตำรวจเอกธรรมนัส พรหมเผ่า เดินทางมากับเที่ยวบิน HS-HAO นี้ด้วย

"ไม่มีปัญหาส่วนตัวหรือบาดหมางกับร้อยเอกธรรมนัส แต่นายสันธนะเป็นคนพูดเองในรายการทีวีรายการหนึ่ง ว่า ร้อยเอกธรรมนัสฝากให้นายสันธนะดูแลคนจีนเหล่านั้น นั่นเป็นจุดเริ่มต้นในการพาดพิงถึงชื่อร้อยเอกธรรมนัส ยืนยันว่า ไม่ได้มาจากตนเอง"

ทั้งนี้ หลักฐานที่มีไม่ทราบว่ามีความเชื่อมโยงกันอย่างไรระหว่างร้อยเอกธรรมนัส กับนายทุนจีน แต่หลักฐานทั้งหมดจะมอบให้พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์เท่านั้น และอยากให้ ผบ.ตร. เร่งดำเนินการโดยมอบหมายให้พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ทำงาน เพราะเป็นคนคล่องแคล่วว่องไว ส่วนร้อยเอกธรรมนัส ถึงขั้นเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินของนานทุนจีนหรือไม่ นายชูวิทย์ กล่าวว่า บุคคลนั้นเป็น ส.ส. มีเอกสิทธิ์ ตนเองไม่ขอพูดพาดพิง ขอให้เป็นหน้าที่ของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ดีกว่า

เมื่อถามย้ำว่า มั่นใจในฝีมือของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ใช่หรือไม่ นายชูวิทย์ กล่าวว่า พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ มีเส้นอยู่เส้นหนึ่ง ขอแค่อย่าล้ำเส้น แต่หากมีการล้ำเส้นก็จำเป็นต้องดำเนินการ ยิ่งหากข้างบนไฟเขียวก็ยิ่งช่วยไม่ได้ ส่วนตนเองเป็นเพียงตัวเร่งปฏิกิริยา เช่น หมายจับที่ตนเองกระทุ้งทุกวัน จนที่สุดแล้วจึงมีหมายจับออกมาเมื่อวาน และคิดว่าท้ายที่สัดจะเจอตอแน่นอน เพราะหากไม่เจอตอคงไม่สามารถสลับตัวผู้ต้องหาและปล่อยรถของกลางออกไปได้ รวมถึงการออกหมายจับที่ล่าช้า ไม่เจอตอวันนี้ก็ไม่รู้จะเจอตอวันไหน แต่ที่เจอคือตอจีน ที่ทำธุรกิจสีเทามาหากินแล้วก็ไป ที่มาวันนี้เพราะจีนปิดประเทศ เพราะมีการปราบคอลเซ็นเตอร์