"บิ๊กโจ๊ก" เผยหลักฐานชัด "ตู้ห่าว" เป็นเจ้าของผับจินหลิง ขยายผล ยึดทรัพย์กว่า 1,000 ล้านบาท พร้อมจะดำเนินคดีข้าราชการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงภรรยาตู้ห่าว ที่มีชื่อเป็นเจ้าของบ้านหรูมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงภายหลังจากที่ นายนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว เดินทางเข้ามอบตัว ว่า สำหรับการจับกุมนายทุนจีนสีเทา และนอมินีครั้งนี้ สืบเนื่องมากจากมีกลุ่มนายทุนจีนสีเทา จำนวน 5 กลุ่ม เข้ามาประกอบธุรกิจสถานบันเทิงในไทย ประกอบไปด้วย 1.กลุ่มนายตู้ห่าว 2.กลุ่มนายเดวิด 3.กลุ่มนายหยู่ฉางเฟ่ย 4.กลุ่มนายโทนี่ และ5.กลุ่มนายหมิง ซึ่งตอนนี้จับกุมไปแล้ว 3 กลุ่ม คือนายตู้ห่าว นายเดวิด และนายหยู่ฉางเฟ่ย ส่วนนายโทนี่อยู่ระหว่างจับกุมและกำลังหลบหนีในไทย ส่วนนายหมิง หลบหนีออกนอกประเทศ อยู่ระหว่างการออกหมายจับสากล
โดยทั้ง5กลุ่ม มีความสัมพันธ์รู้จักกัน โดยแต่ละกลุ่มจะแยกย้ายไปธุรกิจผับในพื้นที่ต่างๆ เช่น ท็อปวันในพื้นที่ สน.สุทธิสาร ที่มีนักท่องเที่ยวจีนเสพยาเกินขนาด และเสียชีวิต รวมทั้งมีการลักทรัพย์ของผู้เสียชีวิต ไปทำลายเผาเพื่อหลักฐาน โดยในกลุ่มนี้ได้มีการจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องไปแล้ว8ราย ในหลายข้อหา
ส่วนในกลุ่มที่2คือคลับวัน ในพื้นที่ เมืองพัทยา โดยมีนอมินีที่เป็นชาวจีน4ราย ที่สวมบัตรประชาชนไทย เคยสร้างวีรกรรมด่าผู้ว่า และตำรวจ "ว่ามีการจ่ายเงินแล้วทำไมถึงถูกจับกุม" ซึ่งตำรวจได้มีการตรวจสอบนำดีเอ็นเอพ่อแม่ของเจ้าของบัตรประชาชนเดิมไปตรวจสอบ แต่ปรากฎว่าไม่มีความเกี่ยวข้องทางเครือญาติ จึงได้ประสานทางการจีนพบว่าผู้ก่อเหตุมีความเกี่ยวข้องทางเครือญาติที่กับที่ประเทศจีน
ส่วนกลุ่มที่3 คือผับจินหลิง ที่มีการตรวจสอบและพบยาเสพติดจำนวนมาก โดยตำรวจมีข้อมูลหลักฐานชัดเจนว่านายตู้ห่าวเป็นเจ้าของสถานบันเทิงดังกล่าว จึงได้มีการออกหมายจับตามข้อหาที่ได้เป็นข่าวไปแล้ว ซึ่งพฤติกรรมที่แสดงความเป็นเจ้าของคือมีการเข้าออกในสถานที่ดังกล่าวเป็นประจำ และในวันเกิดเหตุเจ้าตัวก็อยู่ด้วย นอกจากนี้จากเส้นทางการเงินนายตู้ห่าว มีรายชื่อในการเช่าสถานที่ และจ่ายค่าเช่า
ส่วนกลุ่มที่4 คือBaby face ในพื้นที่ สน.ทองหล่อ ซึ่งกลุ่มนี้มีคนไทยเป็นนอมินี เป็นแม่ยายของนายเดวิด โดยตำรวจได้ขอหมายค้นบ้านพบรถยนต์หรู3คัน สุรานอก28ลัง ปืน2กระบอก เงินสด19ล้านบาท
โดยในวันนี้ตำรวจได้ขอหมายค้นพื้นที่เกี่ยวข้องรวม 4 จุด 1 ในนั้นคือบ้านพักของนายตู้ห่าว ซึ่งมีชื่อภรรยายศ พ.ต.อ.หญิง เป็นเจ้าของบ้าน มูลค่าบ้านมากกว่า 200ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้ยึดอายัดทรัพย์สินของนายตู้ห่าว ทั้งอสังหาฯ รถยนต์ เงินสด มากกว่า 1,000 ล้านบาท
โดยที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการระดมตรวจค้น20จังหวัด 75 จุด จับกุมผู้ต้องหาในเครือข่ายเดียวกัน93ราย
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ตำรวจจะมีการขยายผลตรวจสอบทะเบียนราษฎร์ผู้ที่เกี่ยวในเครือข่าย รวมทั้งเส้นทางการเงิน และเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ตม.จ.อุดร /ขอนแก่น /แพร่/และเชียงใหม่ ว่ามีการอนุญาตให้เปลี่ยนวีซ่าจากนักท่องเที่ยว เป็นวีซ่านักศึกษาได้อย่างไร เนื่องจากผู้ต้องหาบางคนอายุมากกว่า50ปี และการจะขอวีซ่านักเรียนได้นั้น ต้องมีโรงเรียนรับรอง ซึ่งก็ต้องตรวจสอบโรงเรียนที่เป็นผู้รับรองด้วย
นอกจากนี้ยังพบนายตำรวจระดับ พงส.สน.ยานาวา และรอง ผกก.จร.สน.ลาดพร้าว และรอง ผบก.น.6 ที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในคดี ในลักษณะการปล่อยตัวผู้ต้องหาสำคัญ และปล่อยรถหรู ซึ่งเป็นของกลางในคดี โดยมีหลักฐานยืนยันว่ามีการแลกรับผลประโยชน์คันละ2ล้านบาท จำนวน4คัน ซึ่งหลังจากนี้ต้องขยายผลอีกว่ามีใครที่ร่วมขบวนการที่มีตำแหน่งใหญ่กว่ารอง ผบก.น.6หรือไม่ แต่ส่วนตัวเชื่อว่ามี
สำหรับการตรวจสอบภรรยาของนายตู้ห่าว ถึงเรื่องเงินจำนวน200ล้านบาทที่นำมาซื้อบ้าน เจ้าตัวต้องชี้แจงที่มาของเงินให้ได้ เพราะลำพังเงินเดือนข้าราชการไม่น่าจะมีทรัพย์ขนาดที่จะซื้อบ้านหลังดังกล่าวได้ หากชี้แจ้งไม่ก็ถือว่ามีความผิด ส่วนที่ว่าภรรยาของนายตู้ห่าวเป็นหลานของอดีตผบ.ตร. จะมีการช่วยเหลือหรือไม่ ตนขอยืนยันว่า ได้มีการคุยกับทุกฝ่ายซึ่งท่าน ผบ.ตร. และอดีต ผบ.ตร.ยินดีที่จะให้ดำเนินคดีตามหลักฐานที่ปรากฏ อย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้มีใคร มาขอให้ดูแลอะไรเป็นพิเศษ
จากนั้นตำรวจได้คุมตัวนายตู้ห่าว ขึ้นรถควบคุมผู้ต้องหา เดินทางไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สน.ยานนาวา โดยมีทนายความตามไปด้วย ซึ่งนักข่าวพยายามสอบถามนายตู้ห่าวว่า มีข้อมูลว่า รู้จักกับผู้หญิงที่ชื่อ พัชรินทร์ หรือไม่ นายตู้ห่าว ไม่ตอบคำถาม แต่เมื่อถามว่า จริงหรือไม่ที่ถูกกล่าวหาว่าทำธุรกิจสีเทา นายตู้ห่าว ตอบสั้นๆ ว่า "ไม่จริง" จากนั้นตำรวจก็เคลื่อนรถออกไป
โดยจะมีการคัดค้านการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน และในท้ายคำร้องฝากขังก็จะมีการคัดค้านประกันตัวเช่นเดียวกัน เนื่องจากเป็นคดียาเสพติดที่เกี่ยวกับความมั่นคง และจะนำตัวฝากขังยังศาลอาญากรุงเทพใต้ในวันพรุ่งนี้