พ่อแม่ "น้องกอหญ้า" ยื่นหนังสือ ก.ยุติธรรม ไม่เชื่อว่าเป็นฆาตกรรมชิงทรัพย์ พร้อมขอให้ผ่าชันสูตรตายก่อนหรือหลังถูกถ่วงน้ำ

วันที่ 25 พ.ย.65 จากกรณีที่เมื่อวาน (24 พ.ย.65) ที่ผ่านมา ตำรวจสามารถจับกุมตัว นายยุทธพล ปิยวิทยาการ หรือ อาร์ท อายุ 36 ปี ผู้ก่อเหตุฆาตกรรม นายปิยะดา สรกุล หรือ กอหญ้า อายุ 29 ปี สาวข้ามเพศ โดยการทุบศรีษะจากย่านสวนลุมพินี ซึ่งญาติของนายปิยะดา เข้าน้องขอความช่วยเหลือต่อเพจสายไหมต้องรอดหลังลูกชายหายจากบ้านไปเมื่อวันที่ 21 พ.ย.65 ก่อนจะพบเป็นพบลอยน้ำในวันที่ 23 พ.ย.65 ที่ผ่านมา

ล่าสุดวันนี้ (25 พ.ย.65) นายเอกภพ เหลืองประเสิรฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมด้วยนางอัญลี สรกุล แม่ผู้เสียชีวิต เดินทางเข้าพบกับว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอความช่วยเหลือทางคดี

ด้าน ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต ระบุว่า ภายหลังได้รับเรื่องจะสั่งการให้คณะกรรมการ พิจารณาเงินช่วยเหลือเยียวยาเหยื่อที่ได้รับผลกระทบจากคดีอาญา ส่วนทางคดีได้สอบถามไปที่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ทราบว่าภายหลังจากมีการจับกุมตัวผู้ก่อเหตุในช่วงวานนี้ (24 พ.ย.65) เริ่มมีการสอบปากคำรวบรวมดำเนินคดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งตนเองได้กำชับขอให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 กำกับดูแลในการดำเนินคดีนี้เพื่อให้ทางผู้เสียหายได้รับความเป็นธรรมสูงสุด

ขณะที่นางอัญลี ระบุว่า ส่วนตัวไม่เชื่อว่าผู้ก่อเหตุลงมือเพียงคนเดียวและสาเหตุมาจากการต้องการทรัพย์สินเพียงอย่างเดียวเพราะเครื่องประดับที่อยู่บนร่างกายของน้องกอหญ้า มีมูลค่าสูงมากกว่าเงินจำนวน 1,400 บาท ที่โอนให้กับผู้ก่อเหตุ รวมถึงหากน้องกอหญ้าจะไปกับใครจะต้องนำกระเป๋าหิ้วที่ภายในจะมีกระเป๋าเงินและสิ่งของมีค่าติดตัวไปด้วยเสมอ แต่ในกรณีนี้พบว่ากระเป๋าเงินดังกล่าวยังอยู่ภายในรถของน้องกอหญ้าที่จอดอยู่บริเวณริมถนน สารสินรอบสวนลุมพินี ซึ่งเป็นจุดเดิมกับที่น้องกอหญ้ามักจะจอดเวลามาทำงานและตนเอง อยากรู้สาเหตุของการก่อเหตุว่ามีความแค้นเรื่องอื่นหรือไม่เพราะพฤติกรรมการก่อเหตุถือว่ารุนแรงกว่าการแค่ต้องการชิงทรัพย์ รวมถึงตนเองก็อยากทราบว่าน้องกอย่าเสียชีวิตตั้งแต่โดนทุบกะโหลกศรีษะหรือถูกคนร้ายนำร่างมากดน้ำจนขาดใจตาย ตนเองอยากให้ตำรวจคลี่คลายในข้อสงสัยนี้

ส่วนตัวของน้องกอหญ้าถือว่าเป็นเสาหลักของครอบครัวในการดูแลคนในครอบครัวรวมถึงยายอายุ 85 ปีที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง

ขณะที่ในส่วนของรถยนต์ของน้องกอหญ้าหลังจากได้ไปตรวจสอบก็พบว่าทรัพย์สินภายในรถยังอยู่ตามปกติรวมถึงไม่พบสิ่งผิดปกติอื่น ๆ บนรถเช่นร่องรอยการต่อสู้ รวมถึงแก้วน้ำของน้องกอหญ้าที่ใช้ดื่มเป็นประจำก็ยังคงถูกวางอยู่บนหลังคารถคงเดิม

ขณะที่นายเอกภพ ระบุว่า ส่วนตัวอยากให้ทางตำรวจตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุร้ายนี้ด้วยว่ามีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือไม่เพราะจากข้อมูลทราบว่าบ้านหลังที่ ผู้ก่อเหตุนำรถไปซุกซ่อนไว้ ในพื้นที่สายไหมเป็นบ้านของแม่ที่ซื้อไว้อยู่กับผู้ก่อเหตุก่อนที่แม่ของผู้ก่อเหตุจะย้ายออกจากบ้านหลังดังกล่าวไปเพราะทนกับพฤติกรรมในการเสพยาเสพติดของผู้ก่อเหตุไม่ไหวหากว่าผู้ก่อเหตุมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติดก็อาจจะเป็นสาเหตุเชื่อมโยงกับการก่อเหตุในครั้งนี้

นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าในส่วนของรถของผู้เสียชีวิตยังคงจอดอยู่ในจุดเดิมที่ถนนสารสินและบนหลังคายังคงมีแก้วน้ำคิตตี้สีชมพูวางอยู่ตั้งแต่วันเกิดเหตุเป็นระยะเวลากว่าห้าวันแล้วยังไม่มีการเคลื่อนย้ายออกจากจุดเกิดเหตุแต่อย่างใด