"หมอกฤตไท" อัปเดตอาการป่วย หลังรับเคมีบำบัด เผยผลเอกซเรย์ปอดดูดีขึ้น ก้อนใหญ่ด้านขวามีขนาดเล็กลง และก้อนน้อย ๆ ที่ปอดซ้ายก็ดูจางลง

 

จากกรณี นพ.กฤตไท ธนสมบัติกุล อายุ 28 ปี เปิดเพจ "สู้ดิวะ" เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของตนเอง หลังตรวจพบมะเร็งปอด ทั้งที่ร่างกายแข็งแรง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ดูแลสุขภาพตัวเองมาโดยตลอด กระทั่งเริ่มไอ พอตรวจปอดพบเหลือแค่ข้างเดียวตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดคุณหมอกฤตไท ได้อัปเดตอาการว่า สวัสดีครับทุกคน ผมสบายดีครับ ยังสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้แทบจะปกติครับ ผมเพิ่งรับเคมีบำบัดครั้งที่สามมาเมื่อวันพุธที่ผ่านมาครับ รอบนี้เพลียมาก ๆ เลยครับ ง่วงทั้งวัน ตื่นมากินข้าวแล้วก็หลับต่อ เรียกได้ว่านอนจนจะเป็นแผลกดทับครับ วันนี้มีแรงมากขึ้นแล้วครับ ออกมาทานข้าวนอกบ้าน อยากไปออกกำลังกายแล้ว แต่ฝุ่นเชียงใหม่ก็เริ่มน่ากลัวเกินกว่าจะเอาปอดไปเสี่ยง ไม่อยากจะคิดถึงฝุ่นช่วงพีคเลย คงต้องเก็บตัวอยู่ในห้อง ไม่ก็ย้ายจังหวัดชั่วคราว แต่เอาจริงช่วงพีคนี่ย้ายไปจังหวัดไหนก็คงพอกัน

ยังไงก็ตามครับ ช่วงก่อนที่จะรับยารอบสามนี้มีเรื่องสนุกเกิดขึ้นครับ ต้องบอกว่าตัวผมเองปกติแล้วออกกำลังกายหนักถึงหนักมากครับ แต่พอมาเข้ารับการรักษาในช่วงเดือนแรก ลำพังแค่ยืนให้ตรงก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้ว เพราะงั้นการออกกำลังกายจึงไม่ได้ทำเลยครับ วันๆ ก็กินกับนอน บวกกับช่วงแรกเป็นช่วงประชดชีวิต อะไรที่เคยไม่กิน เราก็กินหมดเลย ของทอด ของมัน หมูกรอบ สามชั้น ขนมเค้ก น้ำหวาน เรียบร้อยครับ ไขมันสูง ผมได้เริ่มกินยาลดไขมันในเลือดครับ… แต่ดีนะครับ มันทำให้ผมมีเป้าหมายระยะสั้นขึ้นมาเลยว่าเราจะต้องกลับมามีวินัยดูแลตัวเองแล้ว คือในช่วงรับการรักษามันจะต้องกินเยอะ ๆ ครับ เพราะโดยทั่วไปเราจะน้ำหนักลดอยู่แล้ว คราวนี้เราต้องเน้นไปที่การกินของดี พวกอกไก่ ไข่ขาว ธัญพืช แป้งดีๆ ลดน้ำตาล ลดไขมันให้มากที่สุด บวกกับเริ่มออกกำลังกายด้วย ซึ่งจริงๆ แล้วเหตุผลในการที่ผมจะกินแต่ของอร่อยและไม่ออกกำลังกายมีเต็มไปหมดเลย แถมเป็นเหตุผลที่ฟังขึ้นด้วย แต่ผมก็เลือกกลับมาจริงจังกับเรื่องโภชนาการ และการออกกำลังกาย ในวันที่ฝุ่นน้อย ๆ ผมจะเริ่มจากการออกไปเดิน พยายามเดินให้ได้หมื่นก้าวซึ่งมันใช้เวลานานมาก เดินได้สักพักก็เริ่มรู้สึกว่าเราต้องวิ่งดิวะ!!

 

 

ผมก็ค่อย ๆ ลองวิ่ง ผมวิ่งได้จริงๆ ครับ ถึงจะยังไม่ใช่ความเร็วเท่าเดิม แต่วิ่งได้ คุมการหายใจได้ แรกๆ ก็วิ่งได้ไม่กี่นาที แต่พอทำไปเรื่อยๆ ก็เริ่มวิ่งได้ระยะทางเพิ่มขึ้นในแต่ละวัน ช่วงแรกจะปวดขามากๆ เพราะกล้ามเนื้อมันหายไปเยอะมากช่วงที่นอนโรงพยาบาล ต้องซ้อมอยู่หลายวันกว่าจะวิ่งต่อเนื่องได้สิบห้านาที ผมเลยต้องเวทเทรนนิ่งควบคู่ไปด้วย ล่าสุดก่อนรับยารอบนี้ก็เล่นได้ทุกท่านะ แต่น้ำหนักลดลงจากที่เคยยกได้มากๆ ก็ค่อยๆ ซ้อม ค่อยๆ หาสมดุลของร่างกาย เรียกความฟิตกลับมาเท่าที่ไหว หวังว่าวันหนึ่งจะกลับไปเล่นบาสได้ ซึ่งการทำอะไรพวกนี้ มันรู้สึกว่าได้มีบางส่วนของชีวิตที่เราพอจะพยายามเพื่อเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ของมันได้บ้าง

ในส่วนของสิ่งที่เราทำได้แค่เชื่อและภาวนาคือเรื่องการตอบสนองต่อยาเคมีบำบัดและภูมิคุ้มกันบำบัด ส่วนนี้เป็นสิ่งที่เราทำได้แค่ภาวนาให้น้องมะเร็งตอบสนองกับยาที่ให้ไปเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันเอกซเรย์ปอดดูดีขึ้นครับ ก้อนใหญ่ด้านขวามีขนาดเล็กลง และก้อนน้อยๆ ที่ปอดซ้ายก็ดูจางลงครับ ผลข้างเคียงที่ชัด ๆ ก็มีแค่เรื่องผมร่วงกับอ่อนเพลีย ยังไม่มีผลข้างเคียงรุนแรงอะไร

ผมเป็นคนที่เชื่อในวิทยาศาสตร์และหลักการทางวิจัยก็จริง การที่มันตอบสนองก็คงมีกลไกของยาตามที่การศึกษาได้บอกไว้ แต่อีกส่วนหนึ่งผมก็เชื่อว่าเป็นเพราะมีผู้หวังดีหลาย ๆ ท่าน ทั้งที่ผมทราบและที่ผมไม่ทราบได้ทำการภาวนา สวดมนต์ทำบุญ รวมถึงอีกหลากหลายวิธีที่ผมก็เพิ่งรู้ว่ามันส่งพลังได้ เพื่อที่จะส่งมอบพลังดี ๆ ให้กับผมเพื่อให้โรคนี้สงบ ให้ผมมีสุขภาพแข็งแรง ผมขอบพระคุณจากใจจริงครับ ผมเชื่อจริง ๆ ว่าส่วนของสิ่งที่ไม่ใช่วิทยาศาสตร์นี้ล้วนประกอบกันทำให้ ณ ปัจจุบันการรักษาของผมจึงเป็นไปได้ด้วยดี ตัวผมเองก็สวดมนต์ทำบุญอยู่ตลอด และหวังว่าทุกท่านที่ส่งต่อพลังดีๆ ให้ผมจะได้พบเจอสิ่งดี ๆ ในชีวิตเช่นกันครับ