พ้อปรับตัวไม่ได้ "หนุ่มวิศวกรของเทศบาล" เขียนจดหมายแฉกลไกโกงโครงการทุจริตสร้างถนน ก่อนรมควันเสียชีวิตสุดสลดในรถ

27 พ.ย. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าจากกรณีนายภาณุเมศวร์ วาสโสหา อายุประมาณ 27 ปี ชาวต.หนองนาคำ อ.เมือง จ.อุดรธานี ซึ่งรมควันตัวเองเสียชีวิตในรถยนต์กระบะ ทะเบียนหนองบัวลำภู ที่จอดอยู่ริมถนนมะลิวัลย์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น ว่า จากการตรวจในรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ฯ พบสภาพศพคนตาย สวมเสื้อโปโลแขนสั้นสีขาว สวมกางเกงขาสั้น ไม่พบบาดแผลตามร่างกาย ไม่พบร่องรอยการต่อสู้ แต่พบเตาอั้งโล่ก่อไฟด้วยถ่านหุงต้มรมควัน ได้มีการสอบสวนญาติคนตายแล้วทราบว่า คนตายเรียนจบวิศกรรมศาสตร์ มข. ไปทำงานที่ อบต.แห่งหนึ่งในจ.หนองบัวลำภู ได้ประมาณ 6 เดือน และเกิดความขัดแย้งในที่ทำงาน เพราะผู้ตายเป็นวิศวกรคุมงานสร้างถนน แต่ไม่มีพฤติกรรมไปในทางทุจริต เบื้องต้นตร.คาดผู้ตายเครียดในที่ทำงานจึงก่อเหตุรมควันฆ่าตัวตายดังกล่าว



โดยผู้ตายได้ทิ้งจดหมายลาตายมีเนื้อหาตัดพ้อถึงการทำงานตอนหนึ่งถึงระบบท้องถิ่น โครงการก่อสร้าง พยายามปรับให้อยู่ได้ แต่ก็อยู่ไม่ได้ ขอยื่นลาออก ที่ ผอ. 1 ธันวาคม 65 แต่ยังมีงาน ยังไม่ตรวจรับอีก 3 งาน นอกจากนี้ยังมีจดหมายที่เขียนติดต่อกันจำนวน 2 แผ่น เขียนว่า

 

"ถึงพ่อกับแม่และป้อก ผมขอโทษที่ต้องทำแบบนี้ ผมเจอการทำงานที่กลืนไม่เข้า คายไม่ออก ผมมาบรรจุใหม่ กับให้ผู้ควบคุมงานตั้งแต่เดือนแรก ยังไม่รู้ระเบียบเท่าไหร่ ผมก็แค่คนคนหนึ่งที่ต้องการเรียนรู้ระบบราชการท้องถิ่น แต่สุดท้าย รู้ว่าผมปรับตัวเข้ากับระบบจนเป็นนิสัยไม่ได้ ผมลาออกวันที่ 31 ตุลาคม มีผล 1 ธันวาคม ร่างถ้ายังอยู่ดี บริจาคให้การวิภาคศาสตร์ มข."

 

"ล่าสุดถนนผู้รับเหมา เทเสร็จแล้ว แต่ตอนนี้ถนนทั้งร่อนและแตก ผมไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะด้วยระบบที่สร้างกันมา เหมือนต้องผลักดันงาน ให้ผ่าน แต่เมื่อมีปัญหาคุณภาพ กลับกลายเป็นพูดอะไรไม่ได้ ตัดสินใจไม่ได้ ที่ต้องไปเอาตังค์มาเคลียร์ให้กรรมการตรวจรับใหม่ ซึ่งผมไม่อยากทำ แต่งานมันยังค้างอยู่ในมือ เครียดมากนอรไม่หลับมาเป็นเดือนแล้ว งานแต่ละงาน ผู้รับเหมาตัดราคามาต่ำๆ เพื่อให้ได้งาน แล้วก็ต้องจ่ายให้นายกฯค่างานที่ได้"

 

ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านต.หนองนาคำ อ.เมือง จ.อุดรธานี ญาติๆ ได้นำศพนายภาณุเมศวร์ มาไว้ที่บ้าน โดยมีเพื่อนสนิทเพื่อนที่ทำงานที่เทศบาลนากลางเดินทางมาเคารพศพ และมีญาติๆ ที่ทราบข่าว เดินทางมาแสดงความเสียใจ โดยพ่อและแม่ยังเศร้าโศกเสียใจกับการที่ต้องสูญเสียลูกชายไปไม่มีวันกลับ



นางปุ วาสโสหา อายุ 54 ปี เปิดเผยว่า ยังทำใจไม่ได้ที่สูญเสียลูกชายไป กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นยังทำใจไม่ได้ ปกติลูกชาย ลูกชายยังเป็นผ้าขาว ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย ไม่เคยทำให้พ่อและแม่เสียใจ เข้ารับราชการไม่นาน จบวิศวกรโยธาที่ขอนแก่น ไม่คิดว่าจะมาเจอเรื่องแบบนี้และคิดสั้นฆ่าตัวตาย เรื่องราวที่เกิดขึ้นอยากขอความเป็นธรรมให้ลูกชายด้วย