งงมาก! ต่างชาติถูกชายอ้างเป็น จนท.ตำรวจโวยชุดใหญ่เหตุไม่สวมแมสก์บนรถไฟฟ้า ลั่นใช้ไม่ได้ เอาเชื้อโรคมาแพร่ประเทศไอ
วันที่ 29 พ.ย.65 สืบเนื่องจากมีผู้ใช้ทวิตเตอร์ชาวต่างชาติรายหนึ่งได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ขณะที่กำลังถูกชายอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมโวยวายตำหนิชุกชดใหญ่ เหตุไม่สวมหน้ากากอนามัยบนรถไฟฟ้าในประเทศไทย พร้อมกับแท็กทวิตเตอร์บีทีเอส
โดยในคลิปชายดังกล่าวอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกับโชว์ยูนิฟอร์ม ท้าทายให้ถ่ายคลิปไว้ ชี้หน้าต่อว่าชาวต่างชาติเจ้าของคลิปว่าไม่สวมหน้ากากอนามัย นำเชื้อโรคมาแพร่ในประเทศไทย และบอกว่าเดี๋ยวให้พนักงานมาเชิญออก เก็ทเอาต์เลย หลังพูดจบก็เดินไปที่ห้องคนขับรถไฟฟ้า
ทั้งนี้ ทางเจ้าของทวิตเตอร์ยืนยันว่า ทางบีทีเอสไม่ได้บังคับให้ใส่หน้ากากอนามัย เป็นเพียงการขอความร่วมมือผู้โดยสารเท่านั้น
ด้านความคิดเห็นของชาวเน็ตความเห็นแตกออกเป็น 2 ฝั่ง บางส่วนไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมของบุคคลที่อ้างเป็นตำรวจ ขณะที่บางส่วนก็ไม่เห็นด้วยกับชายชาวต่างชาติที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยบนรถไฟฟ้า
ทางด้านรถไฟฟ้า BTS ยังได้มีการทวิตข้อความในทวิตเตอร์ในกรณีนี้ โดยระบุว่า แม้ว่าจะมีการประกาศฯ ผ่อนคลายการสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะแล้ว แต่เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารส่วนรวม ทางรถไฟฟ้าบีทีเอส ยังคงขอความร่วมมือให้มีการสวมหน้ากาก ขณะใช้บริการรถไฟฟ้าตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณะสุข
ทั้งนี้ทีมข่าวช่อง 8 โทรศัพท์สอบถาม ศาสตราจารย์นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เปิดเผยว่า ในส่วนของการสวมหน้ากากตอนนี้เป็นเรื่องของสิทธิส่วนบุคคลว่าจะใส่หรือไม่ หากมั่นใจเรื่องสุขภาพของตนเอง คิดว่ามีต้นทุนสุขภาพที่ดี ก็สามารถพิจารณาไม่สวมหน้ากากอนามัยได้ แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องใส่ใจส่วนรวม อย่างเช่นกรณีการใช้บริการรถไฟฟ้าที่มีคนใช้บริการจำนวนมากและหลากหลาย บางคนอาจไม่ได้มีสุขภาพที่ดีเต็มร้อย ดังนั้นก็อาจจะต้องใส่ใจบุคคลอื่นด้วยเช่นกัน
"แต่ละคนนะครับต้องประเมินสุขภาพตนเอง ที่ประเมินสุขภาพตนเองตรงนี้เองหมายความว่า ถ้าหากว่าต้นทุนเรามีทางด้านสุขภาพตรงนี้เองอาจจะทำให้เขาทะนงตัวได้ ว่าเขาจะไม่ใส่ เขาจะใส่ก็เป็นเรื่องของเขา แต่ว่าตรงนี้เองน่าจะเคารพผู้อื่นด้วย ผมคิดว่าน่าจะเป็นการพูดให้เข้าใจกันได้ ไม่ใช่มีการทะเลาะเบาะแว้งถึงกับใช้กำลัง"
ขณะเดียวกันสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน อาจไม่ถึงขั้นน่าเป็นกังวล แต่ต้องติดตามสถานการณ์วันต่อวัน และอาการที่แสดงอาจไม่ได้มีอาการแบบโควิดอย่างที่เรารู้จัก ที่จะเป็นไข้ มีน้ำมูก ไอและเจ็บคอ แต่จะออกอาการในลักษณะเฉียบพลัน มีไข้ หนาวยะเยือก มือเท้าเย็น ความดันตกโดยไม่มีน้ำมูก มีอาการคล้ายคลึงกับไข้หวัดใหญ่จนแทบแยกไม่ออก อีกทั้งการตรวจเอทีเออาจจะขึ้นช้าแม้ว่าจะเป็นโควิดมาแล้ว 2-3 วัน จึงจำเป็นต้องรีบรักษาโดยเร็วตั้งแต่เริ่มมีอาการ นั่นคือการกินฟ้าทะลายโจรตั้งแต่เริ่มมีอาการ โดยไม่ต้องสนใจว่าจะเป็นโควิดหรือไม่ ส่วนปริมาณการใช้ให้ดูตามประกาศ อย. ของกระทรวงสาธารณะสุข