ตำรวจดำเนินคดีกับชายอายุ 66 ปี พกปืนปากกาไปงานนายกฯ อ้างพกเพราะคิดถึงลูกที่ตายไปแล้ว
จากกรณี พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เดินทางไปร่วมในการเสวนาปฏิวัติทำนาสู่ความยั่งยืนหนองสลาบบ้านน้ำม้า หมู่ 10 ต.สถาน อ.เชียงของ จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่จับกุมตัวชายคนหนึ่ง หลังตรวจพบพกอาวุธปืน บริเวณจุดตรวจคัดกรองทางเข้างานเสวนา
ล่าสุดทางตำรวจ สภ.เชียงของ ที่ตรวจยึดของกลางได้ส่งตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางให้ ร.ต.อ.ยศพัทธ์ นันตา รอง สว.(สอบสวน) สภ.เชียงของ ดำเนินคดีต่อนายไก่ อายุ 66 ปี ชาว อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ในข้อหา "มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนติดตัวไปเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวแล้ว
โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้น ก่อนที่คณะของนายกรัฐมนตรีจะไปถึง เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบว่านายไก่ ซึ่งกำลังเดินทางไปร่วมการเสวนา ได้นำสัมภาระเป็นกระเป๋าสะพายสีน้ำตาลมาด้วย 1 ใบ จึงแจ้งให้นำผ่านเครื่องตรวจหาวัตถุอันตรายปรากฏว่าเครื่องส่งสัญญานเตือน เจ้าหน้าที่จึงเปิดดูในกระเป๋าก็พบมีอาวุธปืนแบบประดิษฐ์เอง (ปืนปากกา) จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืนขนาด .22 มม.จำนวน 7 นัด และขนาด .357 มม. จึงได้นำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีดังกล่าว
จาการสอบสวนเบื้องต้นนายไก่ ให้การว่าอาวุธปืนเป็นของบุตรชายของตนที่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุเมื่อ 5 ปีก่อน โดยก่อนจะเสียชีวิตตนได้ยึดของกลางไว้เพราะกลัวบุตรจะนำไปใช้ แต่หลังจากบุตรเสียชีวิตตนก็จะพกพาใส่กระเป๋าไปด้วยเพราะผูกพันและคิดถึงลูก ส่วนเครื่องกระสุนเป็นของตนที่เคยได้รับอนุญาตให้มีได้ ในขณะที่ยังเป็นผู้ใหญ่บ้านและกำนันในพื้นที่ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ กระทั่งเมื่อได้เดินทางไปร่วมงานเสนา ที่ จ.เชียงราย ในฐานะตัวแทนศูนย์ข้าวชุมชนก็ได้หยิบกระเป๋าที่มีอาวุธปืนและเกระสุนปืนไปด้วยจนถูกเจ้าหน้าที่ตรวจพบดังกล่าว
ด้านตำรวจ จ.เชียงใหม่ ได้เดินทางไปตรวจสอบที่ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ พบว่านายไก่เคยเป็นกำนันและเกษียณออกไปได้ประมาณ 5 ปีมาแล้ว โดยช่วงที่เป็นกำนันถือเป็นคนดีของสังคมโดยเคยบริจาคที่ดินส่วนตัวเพื่อสาธารณะ นอกจากนี้หลังจากเกษียณแล้วยังคงทำงานเพื่อสังคมต่างๆ เช่น ศูนย์ข้าวชุมชน มัคนายกของวัดในภูมิลำเนาด้วย