"อุ๊งอิ๊งค์" เตรียมนำทัพบุกดินแดนด้ามขวาน 11 ธ.ค.นี้ ใช้ชื่อ "ครอบครัวเพื่อไทยแหลงจริงทำได้ คนใต้หรอยแรง" หวัง ซื้อใจคนใต้ด้วยนโยบายกินได้ "ณัฐวุฒิ" เชื่อ บริบทการเมืองเปลี่ยน ทำฝ่ายประชาธิปไตยมีลุ้น
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย เปิดเผยถึงการลงพื้นที่จัดกิจกรรมครอบครัวเพื่อไทย ณ จังหวัดนครศรีธรรมราช ในวันที่ 11 ธันวาคมนี้ นำโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมแกนนำพรรคและสมาชิกพรรค
โดยนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การลงพื้นที่ภาคใต้ครั้งนี้จะใช้ชื่อตอนว่า “ครอบครัวเพื่อไทยแหลงจริงทำได้ คนใต้หรอยแรง” ในช่วงเช้าที่หอประชุมเมืองนครศรีธรรมราช หรือหอประชุมทุ่งท่าลาด ขณะเดียวกันคณะที่เดินทางไปร่วมนอกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นางสาวแพทองธารแล้ว ยังมีแกนนำพรรครุ่นใหญ่ และแกนนำพรรคคนหนุ่มสาวร่วมคณะไปชุดใหญ่ร่วมด้วย ซึ่งคนใต้จะเห็นความมุ่งมั่นของพรรคเพื่อไทย สำหรับเวทีจะมีการปราศัยและการแนะนำตัวว่าที่ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยของพื้นที่ภาคใต้ทั้ง 43 คน ซึ่งเนื้อหาจะพูดถึงการยกระดับราคาการเกษตร ให้กับเกษตรกร เรื่องยาง ปาล์มน้ำมัน ไม้ผล รวมถึงการพูดถึงนโยบายพรรคภาพรวมด้วย
หลังเสร็จจากเวทีปราศัย คณะครอบครัวเพื่อไทยจะออกเดินทางจากอำเภอเมือง ไปยังอำเภอสิชล เพื่อพบปะหารือแลกเปลี่ยนความเห็น ข้อเสนอนโยบาย การแก้ปัญหาโดยพรรคเพื่อไทยกับผู้ประกอบการประมง ผู้ประกอบการท่องเที่ยวในพื้นที่ นอกจากนี้คณะครอบครัวเพื่อไทย จะแวะเยี่ยมชมจุดชมวิวเลียบชายฝั่ง เชื่อม 2 อำเภอ คืออำเภอขนอม และอำเภอสิชล ซึ่ง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเคยเดินทางไปประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่เกาะสมุย และได้เห็นชอบหลักการที่จะก่อสร้างถนนเส้นดังกล่าว ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวของทะเลอ่าวไทย โครงการดังกล่าวผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาในช่วงก่อนรัฐประหาร ซึ่งเส้นทางดังกล่าวเปิดใช้และเป็นแลนด์มาร์ค ยกระดับการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่ลงพื้นที่ภาคใต้ของนางสาวแพทองธาร หลังเข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และจะมีครั้งต่อๆไปอย่างแน่นอน สิ่งสำคัญการเดินทางไปครั้งนี้ นางสาวแพทองธารจะเดินทางไปในฐานะสะใภ้ของคนนครศรีธรรมราช เพราะคู่สมรสของนางสาวแพทองธาร เป็นคนจังหวัดนครศรีธรรมราชด้วย ก่อนยอมรับว่าพื้นที่ภาคใต้พรรคเพื่อไทยอาจไม่แข็งแรง แต่ยืนยันพรรคมีความตั้งใจ และมั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าบริบทแตกต่างจากครั้งก่อน อาจส่งผลให้พรรคฝ่ายประชาธิปไตยได้รับการสนับสนุนเพิ่มขึ้น