ลูกจ้างเฮ นายจ้างโอด หลังพรรคเพื่อไทยเตรียมดันนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท

วันนี้ (8 ธ.ค.65) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สอบถามความคิดเห็นของผู้ประกอบการและแรงงานจากกรณีที่พรรคเพื่อไทย มีนโยบายขึ้นค่าแรง 600 บาทต่อวัน และเงินเดือนผู้ที่ศึกษาจบปริญญาตรี เริ่มต้นที่ 25,000 บาท ซึ่งผู้ประกอบการส่วนใหญ่มองว่าเป็นไปไม่ได้ในการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำไปจนถึง 600 บาท เพราะถ้าขึ้นได้จริงในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก ขณะที่ในมุมมองของผู้ใช้แรงงานเองส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการขึ้นแค่แรงขั้นต่ำเป็น 600 บาท เพราะสามารถช่วยดูแลเรื่องความเป็นอยู่ในสภาวะที่ค่าครองชีพสูงเช่นนี้ แต่ก็ยังคงมีแรงงานบางส่วนที่มองว่านโยบายการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท นั้นเป็นไปไม่ได้หรือเป็นไปได้ยาก

 

โดยนาย สมคิด อายุ  44 ปี ลูกจ้าง กล่าวว่า ถ้าสามารถขึ้นค่าแรงขั้นต่ำได้วันละ 600 ได้จริงในฐานะคนใช้แรงงานอย่างตนคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีและอยากให้ขึ้นค่าแรงได้จริง แต่ตนก็ยังคงคิดว่าจะเป็นไปได้จริงมากน้อยขนาดไหนเพราะคนที่ได้รับผลกระทบถ้าหากขึ้นค่าแรงขั้นต่ำได้จริงก็คือนายจ้าง ผู้ประกอบการที่ต้องแบกรับภาระค่าแรงที่เพิ่มขึ้นซึ่งสวนทางกับสภาวะเศรษฐกิจไม่ดีแบบนี้

 

ขณะที่ทางด้านนายอภิชัย เพชรบูรนิล อายุ 58ปี ผู้ประกอบการ กล่าวว่า สำหรับนโยบายการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท นั้นตนมองว่าเป็นไปไม่ได้เพราะทุกวันนี้เศรษฐกิจก็ไม่ดีตนขายของก็ไม่ได้ถ้าขึ้นแค่แรงขั้นต่ำเป็น 600 บาทตนก็คงไม่ไหวเพราะต้องแบกภาระแค่แรงที่เพิ่มขึ้นซึ่งสวนทางกับผลประกอบการของทางร้าน แต่ถ้าสมมติว่าทำได้จริงก็ดีเพราะว่าจะช่วยทำให้กระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีขึ้นจากรายได้ของผู้ขายแรงงานแต่ก็จะทำให้บรรดาผู้ประกอบการเจ้าของธุรกิจได้รับผลกระทบตามไปด้วยเพราะฉะนั้นถ้าจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำก็ต้องทำให้ผู้ประกอบการมีรายได้เพิ่มมากขึ้นตามค่าแรงไปด้วย

 

ขณะเดียวกันสำหรับกรณีที่จะมีการเพิ่มเงินเดือนให้กับผู้ที่จบใหม่เป็น 25,000 บาท นั้น ทางนางสาว รมย์ชลี อายุ 21 ปี นักศึกษาชั้นปี 4 กล่าวว่า ถ้าทำได้มันก็ดีสำหรับตนที่กำลังจะจบการศึกษาในปีหน้าแต่ถ้ามองถึงความเป็นจริงแล้วตนคิดว่าจะมีสถานประกอบการที่ไหนบ้างจะจ้างงานคนที่จบใหม่ด้วยเงินเดือน 25,000 บาท เพราะถ้าจะทำใด้จริงก็คงจะต้องแก้ไขเรื่องปัญหาเศรษฐกิจให้ดีขึ้นด้วยเพื่อทำให้สถานประกอบการต่างสามารถจ้างงานผู้ที่จบใหม่ด้วยเงินเดือน 25,000 บาท