ไม่สำนึก ! 1 ใน 3 ผู้ต้องหาฆ่าฝังดิน ก่อเหตุแล้วยังมาเล่าให้ยายผู้ตายฟังหน้าตาเฉย ขณะที่ตำรวจแจ้งดำเนินคดี 3 ข้อหาหนัก
13 ธ.ค. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีที่เมื่อวานนี้ (12 ธั.ค.65) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ได้รับแจ้งพบศพชายถูกฆ่าฝังดินอยู่บริเวณกลางทุ่งนาบ้านหนองยาว ต.หนองบัวสะอาด ต่อมาทราบชื่อผู้ตาย คือ นายวิราช สงนอก อายุ 39 ปี ชาวบ้านบ้านหนองปรือพัฒนา อ.บ้านเหลื่อม จ.นครราชสีมา ซึ่งจากการสอบถามญาติผู้ตายทราบว่า ผู้ตายได้หายออกจากบ้านไปประมาณ 3 วันแล้ว
ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บัวใหญ่ สามารถติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุทั้งหมดได้แล้ว เป็นชาย 3 ราย ประกอบด้วย นายสุเทพ จันทร์น้อย หรือ เทพ อายุ 25 ปี, นายนายธีรภัทร เศษภักดี หรือ นนท์ อายุ 22 ปี และนายเอ (นามสมติ) เยาวชนอายุ 15 ปี โดยคนร้ายทั้ง 3 ราย ซึ่งทั้งหมดสารภาพว่ามูลเหตุเกิดจากความไม่พอใจที่ผู้ตายเบี้ยวเงินค่าซื้อยาบ้า โดยเมื่อคืนวันที่ 9 ธ.ค.65 ผู้ตายได้ขี่รถจักรยานยนต์มาที่กระท่อมดังกล่าว แล้วเรียกชื่อเจ้าของนา แต่ปรากฏว่าพบกับผู้ก่อเหตุทั้ง 3 ราย ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ จึงได้มีการทวงเงินค่าไปซื้อยาบ้า จำนวน 1,700 บาท แต่ผู้ตายซื้อมาให้แค่ 400 บาท จึงเกิดการทะเลาะวิวาทกัน และผู้ตายได้ดึงมีดกับนายธีรภัทรฯ เพื่อที่จะมาทำร้าย แต่เพื่อนอีก 2 คนที่อยู่ด้วยกันเห็นเข้า จึงได้รุมทำร้าย โดยนายสุเทพฯ ได้ใช้ด้ามหน้าไม้ทุบตี และใช้อาวุธปืนปากกาที่พกมาด้วย ยิงนายวิราชที่ศีรษะ และลำตัว รวม 3 นัด ก่อนที่นายธีรภัทรฯ จะใช้มีดจ้วงแทงซ้ำอีก 8 แผล จนทำให้นายวิราชเสียชีวิต ก่อนที่ทั้ง 3 คน จะช่วยกันลากศพไปฝังดินห่างจากจุดก่อเหตุประมาณ 100 เมตร แล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บัวใหญ่ ติดตามไปจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ 2 คน คือนายสุเทพฯ กับนายธีรภัทรฯ
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้กดดันอย่างหนักจนกระทั่งนายเอ (นามสมมติ) เยาวชนอายุ 15 ปี ซึ่งหนีไปอยู่บ้านญาติในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ยอมให้ญาติติดต่อขอเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บัวใหญ่ ซึ่งเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาคือนายสุเทพฯ ไปค้นหาอาวุธปืนปากกา ในสระน้ำดังกล่าว โดยมีเจ้าหน้าที่ชุดประดาน้ำหน่วยกู้ภัยฮุก 31 นครราชสีมา ลงทำการค้นหาอยู่นานกว่า 1 ชั่วโมง จึงสามารถค้นหาปืนปากกาพบ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้นำไปเป็นหลักฐานในการดำเนินคดี โดยขณะนี้ตำรวจกำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนแจ้งความดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจนา, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ยิงปืนโดยไม่มีเหตุอันควรและฝังซ่อนเร้นย้ายหรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตายต่อไป
ซึ่งช่วงบ่ายวันนี้พนักงานสอบสวน สภ.บัวใหญ่ ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย มาสอบปากคำเพิ่มเติม ขณะที่กำลังสอบปากคำผู้ต้องหา ได้มีนางบู่ เศษภักดี อายุ 70 ปี ซึ่งเป็นยายของนายสุเทพฯ หนึ่งในผู้ต้องหา เดินทางมาเยี่ยมหลานชายด้วยใบหน้าที่สลด โดยนางบู่ฯ เล่าว่า นายสุเทพฯ หลานชายนั้น อาศัยอยู่บ้านคนเดียว และเป็นคนชอบดื่มสุราเป็นประจำ หลังเกิดเหตุตนเองไม่รู้อะไรเลย เพราะไปเลี้ยงควายอยู่กลางทุ่งนา นานๆ จะแวะมาเยี่ยมหลาน ซึ่งเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (12 ธ.ค.) ตนเองก็ยังแวะมากินข้าวพูดคุยกันตามปกติ โดยหลานชายก็พูดออกมาว่าไปทะเลาะกับเพื่อนมา จากปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ จึงได้ลงมือทำร้ายเพื่อนจนเสียชีวิต ซึ่งตนเองก็คิดว่าหลานคงพูดทีเล่นทีจริง แต่ไม่คิดว่าจะทำจริงๆ มารู้อีกทีจากข่าวว่าหลายไปฆ่าคนตาย จึงรู้สึกตกใจมาก เพราะหลานชายกับผู้ตายก็รู้จักกันในฐานะเป็นญาติกัน ไปมาหาสู่กันเป็นประจำ แต่เมื่อหลานก่อเหตุเช่นนี้แล้ว ตนเองก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ นอกจากต้องปล่อยให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีตามกฎหมายเท่านั้น