หลวงปู่บุดดา ปัญญาธโร หรือพระราชมงคลวชิราทร เกจิชื่อดังแห่งวัดป่าใต้พัฒนา อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ละสังขารแล้ว สิริอายุ 111 ปี พรรษา 31 เตรียมจัดพิธิพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ 15 ธ.ค. นี้
วันที่ 13 ธ.ค. 2565 เมื่เวลา 10.45 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดป่าใต้พัฒนาราม ต.โนนหมากเค็ง อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว พระราชมงคลวชิราทร หรือหลวงปู่บุดดา ปัญญาธโร เจ้าอาวาสวัดป่าใต้พัฒนาราม ได้ละสังขารอย่างสงบจากโรคชรา โดยหลวงปู่บุดดา ปัญญาธโร นับว่าเป็นพระเกจิ ในจังหวัดสระแก้ว ที่มีความเมตตาธรรมบารมีสูงส่งและมีรอยยิ้มอยู่เสมอ เป็นที่ทราบกันดีของบรรดาลูกศิษย์ ว่าหลวงปู่ชอบอยู่อาศัยแบบเรียบง่าย ฉันอาหารแบบบ้านๆ อาทิเช่น น้ำพริก ผักต้ม ผักสด มักน้อย ชอบชีวิตสันโดษ ไม่นิยมสะสมสิ่งของและสังฆทาน ใช้ชีวิตครองอัธยาศัยมั่นคงอยู่ในธรรมวินัย มีความงดงาม ซึ่งในตอนเช้าจะออกบิณฑบาตโปรดสัตว์ ลงวัตรเจริญพระพุทธมนต์อย่างเคร่งครัด และด้วยบารมีที่หลวงปู่ได้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาตลอด มีลูกศิษย์มากราบไหว้อย่างต่อเนื่อง จนศิษยานุศิษย์ได้ขนานนามว่า อมตะเกจิ 6 แผ่นดิน หลวงปู่บุดดา แห่งวัดป่าใต้พัฒนารามสระแก้ว
ด้านพระครูใบฎีกา สุริยา ยติกโร พระลูกศิษย์คนสนิท ซึ่งอยู่เคียงข้างมาตลอดแม้กระทั่งถึงการละสังขาร บอกว่า สิ่งที่หลวงปู่บุดดา ได้บอกไว้ก่อนจะจากไปว่า หากหลวงปู่มรณะไปแล้ว อย่าเผาศพหลวงปู่ ให้นำร่างมาไว้ที่กุฎิภายในวัดซึ่งจะทำตามที่หลวงปู่บอกไว้จะทำเป็นพิพิธภัณฑ์ ไว้ให้ประชาชนมาสักการะกราบไหว้กันในอนาคต และก็มีความเป็นห่วงตนกับพระลูกวัด สุดท้ายก็อยากให้สานต่อสิ่งที่ทำมาคือพัฒนาวัดในอยู่คู่กับประชาชนสืบไปเพื่อจะได้ให้ประชาชนมีที่พึ่งทางใจ
ทั้งนี้ หลวงปู่บุดดา ปัญญาธโร ได้ละสังขารด้วยอาการสงบ สิริอายุ 111 ปี พรรษา 31 และจะมีกำหนดการพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ พระราชมงคลวชิราทร พระราชาคณะชั้นราชสถิต (หลวงปู่บุดดา ถาวโร) ในวันที่ 15 ธ.ค. 2565 เวลา 16.00 น. ณ วัดป่าใต้พัฒนาราม ต.โนนหมากเค็ง อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว.
สำหรับประวัติ หลวงปู่บุดดา เกิดเมื่อปี พ.ศ.2454 ที่บ้านโคกอู่ทอง ต.โพธิ์งาม อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี ครั้งวัยเด็กได้เข้าเรียนเขียนอ่านที่วัดโคกอู่ทองกับพระอาจารย์แย้ม จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากนั้นได้ออกมาช่วยทางครอบครัวทำไร่ทำนา แบ่งเบาภาระ และได้เข้าบรรพชาเมื่อปี พ.ศ.2470 พร้อมกับศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรม เมื่อครั้งเข้าพิธีอุปสมบทครั้งแรก พ.ศ.2477 ที่วัดโคกอู่ทอง อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี ครองสมณเพศอยู่ได้หนึ่งพรรษา ก่อนลาสิกขาออกมามีครอบครัว โดยช่วงที่เป็นฆราวาส ก็ยังศึกษาเล่าเรียนธรรมะวิชาต่างๆ จากหนังสือเก่าตามตำราของพระอาจารย์หลายรูป
หลังใช้ชีวิตเป็นฆราวาสมาจนถึงปี พ.ศ.2534 แล้วเห็นแจ้งว่าความสุขในชีวิตไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง ก่อนตัดสินใจเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์อีกครั้ง จึงเข้าพิธีอุปสมบทครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 26 ก.ค.2534 ที่อุโบสถวัดทุ่งพระ อ.เมือง จ.สระแก้ว โดยมีหลวงพ่อสนธิ์ วัดทุ่งพระ ต.ท่าเกษม อ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว เป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระครูณรงค์ วัดเทพาวาส (ทับใหม่) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์บัวลา วัดโคกสัมพันธ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ จากนั้นได้อยู่จำพรรษาที่วัดเทพาวาส ภายหลังย้ายมาสร้างเป็นวัดทับใหม่ มีหลวงพ่อดี อดีตเสือเก่า เป็นเจ้าอาวาสรูปแรก จึงริเริ่มก่อตั้งเป็นสำนักสงฆ์ใหม่เจริญสุข หลังจากนั้นได้ร่วมกับชาวบ้านก่อสร้างและพัฒนา จนได้รับอนุญาตแต่งตั้งเป็นวัด คือ วัดป่าใต้พัฒนาราม และอยู่จำพรรษาที่แห่งนี้ตลอดมา
โดยหลวงปู่บุดดา ได้รับการแต่งตั้ง ดังนี้ 1. ปี พ.ศ.2559 ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าใต้พัฒนาราม 2. เมื่อวันที่ 6 พ.ค.2565 “พระครูปลัด บุดดา ปญฺาธโร” ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ “พระราชมงคลวชิราทร บวรธรรมทานประสิทธิ มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี” สถิต ณ วัดป่าใต้พัฒนาราม จังหวัดสระแก้ว