ออกตัวแรงไม่เกรงใจใคร !! "นิพิฏฐ์" ฟุ้งพัทลุงใส่เสื้อ พปชร.ชนได้ทุกพรรค โอ่ผลงานเด็ด สอย "นาที รัชกิจประการ" บลั๊ฟ "รทสช." เป็นพรรคใหม่เกิดยาก "บิ๊กตู่"ไม่ฮอตเหมือนปี 62

13 ธ.ค. 65 นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเปิดตัวเข้าสังกัดพรรค และดูแลพื้นที่ภาคใต้ ว่า ได้พูดคุยกับพล.อ.ประวิตร วงษ์​สุวรรณ​ หัวหน้าพรรค บ้างแล้ว ซึ่งพล.อ.ประวิตร ได้ให้ตนเข้ามาช่วยดูภาคใต้ จากที่พล.อ. ประวิตร ดูแลภาคใต้ด้วยตัวเองโดยเข้ามาช่วยดูในรูปแบบที่คณะกรรมการที่พล.อ.ประวิตร ตั้งขึ้นมา โดยมีนายอภิชัย เตชะอุบล แกนนำพรรค มาช่วยตนในพื้นที่ภาคใต้ด้วย

 

เมื่อถามว่า การที่ไม่มีชื่อของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว. กลาโหม จะเป็นผลดีหรือไม่ดีกับการหาเสียงพื้นที่ภาคใต้ นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า คิดว่าทุกพรรคไม่ใช่เฉพาะภาคใต้มีคะแนนนิยมใกล้เคียงกันมาก ซึ่งตนพยายามบอกผู้สมัครมาตลอดว่า ต้องทำให้ตัวเองแข็งแรง ได้รับการยอมรับจากประชาชน ทำให้ตอนนี้คะแนนแต่ละพรรคใกล้เคียงกันหมดแล้ว ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ สุดท้ายจึงอยู่ที่ตัวผู้สมัครมากกว่า



เมื่อถามว่า กระแสภาคใต้ชื่นชมพล.อ.ประยุทธ์ หากไม่อยู่พรรคพลังประชารัฐแล้ว จะสามารถดึงดูดคะแนนจากประชาชนได้หรือไม่ นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ยอมรับกระแสพล.อ.ประยุทธ์ ในภาคใต้ดี แต่ก็มีเงื่อนไขหลายประการ ซึ่งตนคิดว่า อาจจะไม่ดีเหมือนกับการเลือกตั้งปี 62 อีกต่อไป อย่างเช่น วาระการดำรงตำแหน่ง ถ้าเลือกไป 2 ปีก็ต้องเลือกนายกฯใหม่ นอกจากนี้พรรคใหม่ของพล.อ.ประยุทธ์ เป็นพรรคที่เหมือนสร้างขึ้นมาใหม่เลย เพราะฉะนั้นไม่ง่ายไปแข่งกับพรรคที่ ส.ส.อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นคิดว่าไม่ร้อนแรงเหมือนเดิม



เมื่อถามว่า ตั้งเป้ากวาด ส.ส.ภาคใต้เท่าไหร่ นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ไม่รู้พรรคตั้งเป้าไว้เท่าไหร่ แต่เราจะทำให้ดีที่สุด เมื่อถามว่า เพิ่งอยู่พรรคสร้างอนาคตไทยไม่นานย้ายมาพรรคพลังประชารัฐ ประชาชนจะสับสนหรือไม่ นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า คงไม่ เพราะมันมีเหตุจำเป็น ส่วนเหตุจำเป็นเกิดจากอะไรนั้น ขอให้พรรคสร้างอนาคตไทยเป็นคนพูดเอง การที่ตนเดินออกมาไม่ใช่ไม่มีเหตุผล เพราะคุยกันมาไม่ต่ำกว่า 3 เดือนแล้ว

 

เมื่อถามว่า เป็นปัญหาขัดแย้งภายในพรรคสร้างอนาคตไทยหรือไม่ นายนิพิฏฐ์ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่ใช่ความขัดแย้ง เพราะตนที่ตนร่วมตั้งพรรคสร้างอนาคตไทยกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรค นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค และนายสุพล ฟองงาม รองหัวหน้าพรรค มีหลักการที่นำอยู่ 2 เรื่องคือ 1.ไม่สุดขั้วทางทางการเมือง ไม่แดงจัด ไม่เหลืองจัด ไม่ซ้ายจัด ไม่ขวาจัด 2.เราจะเป็นพรรคที่มุ่งเข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจมากกว่าปัญหาทางการเมือง แต่พอพรรคเดินมาได้ระยะหนึ่งก็มีแนวคิดในการควบรวมพรรค ซึ่งตนไม่ได้ขัดข้องหากการควบรวมพรรค จะทำให้พรรคมีตัวตนในทางการเมือง มีที่ยืนในทางการเมือง โดยเฉพาะเงื่อนไขรัฐธรรมนูญที่ทำให้พรรคโตยาก แต่การควบรวมต้องไม่ขัดหลักการ 2 ข้อนี้

 

"แต่ปรากฎว่าการควบรวมมีการเบี่ยงเบนไปบางส่วน อย่างเช่น มีการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรคจากนายอุตตม เป็นคนอื่น และที่สำคัญคือ มีการเปลี่ยนแปลงแคนดิเดตนายกฯจากนายสมคิด ไปเป็นบุคคลอื่น โดยนายสมคิด จะเป็นเบอร์ 2 และเบอร์ 3 ไป ซึ่งผมคิดว่าหลักการตรงนี้มันถูกเปลี่ยนแปลงไป และผมได้ยืนยีนแล้วว่าหากรวมพรรคลักษณะแบบนี้ ผมคงไม่สามารถทำงานในพรรคได้ ซึ่งทุกคนก็เข้าใจไม่ได้มีความขัดแย้ง"

 

เมื่อถามว่า มีการมองกันว่า การที่มาอยู่พรรคพลังประชารัฐ เพราะพรรคต้องการให้มาชนกับพรรคภูมิใจไทยในภาคใต้โดยเฉพาะนางนาที รัชกิจประการ แม่ทัพภาคใต้ พรรคภูมิใจไทย นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า "ไม่หรอก ผมอยู่ที่ไหนก็ชนได้ ผมก็ชนเจ๊นาทีกระเด็นไปแล้ว ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไป 3 ปีแล้ว ไม่มีปัญหาผมชนได้ทั้งนั้น" เมื่อถามว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้าที่จะต้องชนกับนางนาทีจะเป็นการทวงคืนพื้นที่เเขต 2 พัทลุงหรือไม่ นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ไม่ชนลักษณะนั้น ขอเป็นตัวเลือกใหม่ก็แล้วกัน ไม่ถือว่าชนกันเป็นศัตรูขนาดนั้น

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า การย้ายมาพลังประชารัฐ มีลูกทีมตามมาหรือไม่ นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า มาเยอะ และยอมรับว่าเป็นปัญหา เพราะมีพื้นที่ทับซ้อนกัน ความจริง 30 กว่าคนที่วางไว้มาทั้งหมด แต่เมื่อพื้นที่ทับซ้อนกันก็ต้องมาคุยกันใหม่อีกที

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในพื้นที่ จ.พัทลุง คิดว่าจะสู้กับนางนาทีกับนายนริศ ขำนุรักษ์ ได้หรือไม่ นายนิพิฏฐ์ หยุดไปก่อนกล่าวว่า "คิดว่าได้ครับ การเมืองมันต้องเลือกความหวัง ใครมีความหวังมากกว่า มีโอกาสเป็นรัฐบาลมากกว่าก็ได้รับเลือกไป ใครไม่มีความหวังก็ไม่ได้รับเลือกหรอก อย่าง ส.ว. เขาดูเบื้องหลังเวลาเลือก แต่ผู้แทนราษฎรหรือพรรคการเมืองเขาดูช้างหน้า ซึ่งตนคิดว่าสู้ได้