คนกรุงฯ ลุ้นหนาว 15 องศาฯ! กรมอุตุนิยมวิทยาเผย มวลอากาศเย็นระลอกใหม่มาอีก 17-20 ธ.ค. ด้านคนใต้ไม่หนาว แต่เปียกฝนแน่
วันที่ 14 ธ.ค.65 นางสาวชมภารี ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า วันนี้ (14 ธ.ค.) อุณหภูมิของประเทศไทยโดยเฉพาะทางตอนบนของประเทศลดลงเนื่องมาจากอิทธิพลของมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนที่แผ่ลงมาปกคลุมอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 1- 2 วันนี้ (14-15 ธ.ค. 65) อุณหภูมิจะลดลงกับมีลมแรง เริ่มที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ลดลง 4-6 องศาเซลเซียส ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส
สำหรับภาคใต้ตอนล่างนั้นมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น อุณหภูมิต่ำสุดของวันนี้ที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ณ สถานีตรวจอากาศสุวรรณภูมิ วัดได้ 18.9 องศาเซลเซียส ถือว่าอยู่ในเกณฑ์อากาศเย็น ซึ่งประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลจะได้สัมผัสอากาศเย็นสบายในช่วงเช้าแบบนี้ไปจนถึงวันพรุ่งนี้ หลังจากนั้นอุณหภูมิจะเริ่มอุ่นขึ้นเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม จะมีมวลอากาศเย็นระลอกใหม่ที่มีกำลังแรงเข้ามาอีกในช่วงก่อนปีใหม่ (17-20 ธ.ค. 65) ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง โดยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะลดลง 6-8 องศาเซลเซียส (พื้นราบอุณหภูมิต่ำสุด 10-18 องศาเซลเซียส ยอดดอยและยอดภู มีอากาศหนาวถึงหนาวจัดและมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 2-10 องศาเซลเซียส สำหรับภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส คาดว่าอุณหภูมิต่ำสุด 15-21 องศาเซลเซียส
บริเวณภาคใต้ตอนล่าง เนื่องจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้นั้นมีกำลังแรงขึ้น ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและอันดามันมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ส่วนบริเวณทะเลอันดามัน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 20 ธ.ค. 65
อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยาเน้นย้ำเพิ่มว่า ขอให้พี่น้องประชาชนติดตามข่าวสาร และประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดในระยะนี้ เพราะนอกจากจะได้เตรียมพร้อมรับกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นลงแล้ว ในภาคใต้ยังต้องระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มด้วย โดยสามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา หรือโทรศัพท์สอบถามที่สายด่วน หมายเลข 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง