"ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" โพสต์แจ้งข่าวชัยชนะ!!ของ"ประชาชน"
ด่วนสุด!!
หลังจากชูวิทย์แถลงข่าวจบไม่ถึง 15 นาที
ได้รับข่าวยืนยันว่า ดีเอสไอ โดยอธิบดี นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ รับคดี “ตู้ห่าว” เป็นคดีพิเศษแล้ว
ต้องขอบคุณในนามประชาชนของประเทศนี้ ต่อท่านรัฐมนตรีสมศักดิ์ เทพสุทิน ท่านเลขาฯ ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ท่านรองอธิบดีดีเอสไอ ยุทธนา แพรดำ รวมถึง ผอ.พงษธร อินอำนวย
ไม่ได้รู้จักท่านเหล่านั้นเป็นการส่วนตัว บางคนยังไม่เคยเจอหน้าด้วยซ้ำ
เมื่อพึ่งตำรวจให้เป็นคดี “สมคบฟอกเงิน” ไม่ได้ ออกลูก “เตะถ่วงช่วงใกล้หมดเวลา”
เพราะการตั้งข้อหาของตำรวจในเรื่อง “สมคบยาเสพติด” ดูเหมือนหนักดั่งภูเขา
แต่ความเป็นจริงตู้ห้าวหลุดล้านเปอร์เซ็นต์ เพราะ บชน. โดย “บิ๊กจ้าว” พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ไม่มีพยานยืนยันว่าตู้ห่าวอยู่ในที่เกิดเหตุ
แถมตัวการสำคัญ 2 คน ได้แก่ “หลานตู้ห่าว” กับ “นายเดวิด ฮอว์” จีนตัวการขายยา ยังถูกรองผู้กำกับฯ จราจร สน.ลาดพร้าว ลูกน้องบิ๊กจ้าว ร่วมมือกับตำรวจสอบสวนโรงพักยานนาวา แอบปล่อยตัวไปกลางทางระหว่างพาไปฝากขัง
พอประกันตัวได้ปุ๊บ ขี่มอเตอร์ไซค์ส่งที่ป้ายรถเมล์ ช่วยไปดูกล้องวงจรปิดหน่อย ทีตอนจับโจรปล้นร้านทองจับได้ ไล่กล้องวงจรปิดทันควัน
แต่ดูกล้องจับลูกน้องตัวเองไม่ได้ ทำทีไม่เห็น
เท่านั้นไม่พอ กระบวนการ “สมคบคิด” ช่วยตู้ห่าวยังไม่หนำใจ ระดับรองผู้การฯ ที่อยู่ในวันเกิดเหตุ ร่วมจับกุมมีชื่อใน “บันทึกจับกุม” อย่าง พ.ต.อ.ณัฐพล โกมินทรชาติ หรือ “รองหมา” ยังปล่อยรถของกลางที่มียาเสพติดและเงินสดอยู่ท้ายรถออกไปอีก 4 คัน
เมื่อข่าวหลุดทำเป็นเรียกกลับ แต่ล้างรถสะอาดเรียบร้อย เบาะรถหอมไร้กลิ่น
ฝากถามท่าน ผบช.น. หน่อยว่า ได้แจ้งข้อหารองหมาหรือยัง? รับประกันว่ายังแน่นอน
เหตุผ่านไปเกือบเดือนกว่าจะออก “หมายจับ” ตู้ห่าว
แต่กลับรีบจับ “รปภ.” มาอ้างว่ารับเป็นผู้ดูแลสถานที่ “จินหลิง”
หากดูไม่ออกว่าใครเป็นยาม ก็ไม่สมควรเป็น “ผบช.น.” เพราะคุมกรุงเทพฯ สถานบริการมากมาย แค่ยามยังดูไม่ออก ดันเห็นว่าเป็น “เจ้าของหรือผู้ดูแล” ได้อย่างไร?
อย่าเป็น ผบช.น. เลย ไปเป็น “หัวหน้ายาม” ก็พอแล้ว
ที่สำคัญถึงบัดนี้ยังไม่ได้ทำการสอบพยานแม้แต่ปากเดียว
พยานไทยปล่อยกลับบ้าน เรียกก็ไม่มา
ส่วนจีนที่ถูกขังแค่เอาชื่อไปถาม แทนที่จะเอารูปไปให้ดูว่า ใครเป็นใคร?
มีแค่ชื่อใครจะรู้?
ชื่อไทยไม่คุ้นหูจีน เหมือนแกล้งโง่ ทำสะเพร่าอีกต่างหาก
โถ… ใครจะไปจำชื่อจริงเด็กเสิร์ฟได้เล่า ท่าน ผบช.น.?
ยังอีกแยะที่รั่ว สำนวนอ่อนปวกเปียก หากส่งให้อัยการ จุดจบคือสั่ง “ไม่ฟ้อง” หลุดหมด
ส่วนข้อหา “สมคบฟอกเงิน” ไม่ยอมตั้ง เพราะสามารถสอบ “เส้นทางการเงิน” ได้
แม้คดียาจะหลุด แต่นายตู้ห่าวต้องชี้แจงที่มาของทรัพย์สิน 5,000 ล้านให้ได้ว่า
แค่ระยะเวลา 10 กว่าปี ทำทัวร์อะไรมันถึงรวยได้เพียงนี้?
มีทั้งโรงแรมขนาด 5 ดาว มีห้องเกือบ 400 ห้อง ทำเลทองใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ
ที่ดินอีกมากมายทั้งกรุงเทพฯ ภูเก็ต
กิจการอื่นๆ อีก 22 บริษัท ไปถึงรถหรูเรียงเป็นตับ บ้านหรู 300 ล้าน เครื่องบินส่วนตัว
หากชี้แจงไม่ได้ว่าเอาเงินที่ไหนมา ก็ต้องยึด ตกเป็นของแผ่นดิน
ฉะนั้น “สมคบฟอกเงิน” เข้า 29 มูลฐาน เป็นยึดหมด
แต่ “สมคบยาเสพติด” ดูหนักจริง แต่เมื่อไม่มียาอยู่กับตัว ถึงมีหลักฐานว่าเป็นเจ้าของสถานที่ เป็นผู้จ่ายค่าเช่า แต่ตู้ห่าวบอกลูกน้องแอบทำ ตัวเองธุรกิจยุ่งเหยิง ไม่เคยมาดูแล
“มีพยานสักคนไหมที่เห็นอั๊ว อย่าพูดซี้ซั้ว!”
กล้องก็บอกเสียไปซะงั้น มีก็ไม่เห็นตัวตู้ห่าว เพราะตัดต่อเรียบร้อย พยานสำคัญหนีหมด ตำรวจ บชน. เอง ดันจับได้แค่ยามมาขัง แล้วนึกขึ้นได้ว่าเป็น “แพะ”
ปล่อยตัวเสร็จแล้วบอก “ช่วยมาเป็นพยานหน่อย”
อย่างนี้เขาเรียก “พยานที่ไม่มีน้ำหนัก” เพราะเคยตกเป็นผู้ต้องหาแล้วนำกลับมาเป็นพยาน ศาลไม่เชื่อ เพราะอาจมีการต่อรอง
สรุปแล้ว ประชาชนของสังคมนี้ไม่เชื่อถือระดับ ผบช.น. ที่ทำงาน “วันแมนโชว์”
คงจะไว้ใจการทำงานของ “ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล” ไม่ไหวเสียแล้ว
ท่าจะ “ล้มกระดานจีนเทา” ไม่รอด
แต่ข่าวดีมาหลังข่าวร้ายซ้ำๆ หลังฝนตกหนัก แดดมักออกเสมอ
ท่านนารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด “ทนายแผ่นดิน” ให้รองโฆษกฯ โทรแจ้งหยกๆ เมื่อกี้ว่า
ได้แต่งตั้ง “คณะทำงาน สอบสวนคดีสำคัญ” พิจารณาคดี “ตู้ห่าว” เป็นองค์กรอาชญากรรมที่ทำผิดในราชอาณาจักรไทย แต่มีการตระเตรียม วางแผน สั่งการ สนับสนุน หรือควมคุมการกระทำผิดในประเทศจีน หรือพูดง่ายๆ ว่าเป็นคดีนอกราชอาณาจักร
ตั้งคณะมาพิจารณา แต่หากไม่ใช่คดีนอกราชอาณาจักรก็ไม่ไหว มันชัดเสียยิ่งกว่าชัด
ยังมีที่เกี่ยวโยงไปถึง มูลนิธิผี สมาคมเถื่อน วีซ่ามั่ว ตม.รับสินบาทคาดสินบน อั้งยี่ ซ่องโจร เครื่องบินขนยา โอนหุ้นจากต่างประเทศมาขายในไทย เอาเงินสดเข้ามาซื้อบ้านหรู คอนโดหรู รถหรู และเอาเงินการเมืองมาให้ตู้ห่าวฟอกขาว
แถมด้วยพวกแอบอ้างเบื้องสูง (ชุดข้อมูลอยู่ที่ผม ยังไม่เปิดเผย)
เข้าข่ายสมคบ วางแผน สนับสนุน ยุยง ให้คำปรึกษา ร่วมกันเป็นขบวนการ “อาชญกรรมข้ามชาติ” ที่ชัดเจนที่สุด ตั้งแต่ประเทศนี้มีมา
ขอขอบคุณทุกท่าน จากการทำงานที่เหนื่อยยาก ฟันฝ่าอุปสรรคมากมายจนถึงวันนี้
.
แม้เราในฐานะประชาชนยังไม่ชนะ แต่การกระทำของผม เพื่อให้สังคมเข้มแข็ง เป็นหน้าที่ของสมาชิกของสังคมนี้
ที่ไม่ปล่อยให้คนแปลงสัญชาติอย่างนายตู้ห่าวทำลายความสงบสุข ก่ออาชญากรรมร้ายแรง ด้วยการสนับสนุนของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่รับเงินเดือนจากภาษีของเรา
คนทำผิดร้อยครั้ง หลุดรอดไปได้ 99 ครั้ง แต่คนต่างด้าวอย่างนายตู้ห่าวเนรคุณประเทศไทย ที่ให้เป็นที่หนีร้อนมาพึ่งเย็น ปล่อยให้รอดไปไม่ได้
ผมจึงจำเป็นต้องเดินหน้าชนเต็มที่ แม้ว่าผมจะตายไป แต่ย่อมมีสมาชิกคนใหม่อย่างผมเกิดขึ้นมาอีกมากมาย
เพื่อให้จดจำไว้ว่า “ประชาชนต้องต่อสู้ ถึงจะได้รับความยุติธรรม”
และการต่อสู้ที่แท้จริง ย่อมนำมาซึ่งความสงบสุขของสังคม
ไม่ใช่การท้อถอย ไม่ใช่การนิ่งเฉย ไม่ใช่การยอมแพ้
เราแพ้วันนี้ เพื่อชนะในวันหน้า