ระทึกกลางกรุง! ตำรวจวิสามัญหนุ่มขนไอซ์ 10 กก. หลังชักปืนยิงสู้แหกด่าน
เมื่อเวลา 17.50 น. วันที่ 16 ธ.ค. ร.ต.ท.ศักดิ์ศิษฐ์ พิพัฒน์มงคลกิจ รองสว.(สอบสวน)สน.ฉลองกรุง ได้รับแจ้งเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญฆาตกรรมคนร้ายกระทำผิดเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เหตุเกิดที่ ซอยฉลองกรุง 30/1 แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ จึงพร้อมด้วย
พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง.ผบ.ชน.
พ.ต.อ.ขจร อบทอง ผกก.สน.ฉลองกรุง แพทย์นิติเวช จากโรงพยาบาลตำรวจ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุเป็นซอยกลาถนนลูกรังลึกเข้ามาจากปากซอยประมาณ 200 เมตร ที่บริเวณทางเดินริมคลองพบศพนายธีระยุทธ สุริวงษ์ อายุ 44 ปี ถูกตำรวจ บช.ปส.วิสามัญฆาตกรรมอยู่บนบริเวณทางเดินริมคลองดังกล่าว
เบื้องต้นทราบว่า เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา พ.ต.อ.นรวัฒน์ คำภิโล ผกก.กก.2บก.ปส.1 พร้อมกำลัง บช.ปส. พบเห็นรถกระบะสีดำ ต้องสงสัย มีพิรุธเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ที่ปากซอยสุวินทวงศ์ 40 พื้นที่ สน.ลำผักชี เจ้าหน้าที่ชุด บช.ปส. จึงขอเข้าตรวจค้น แต่ปรากฏว่าทางฝ่ายผู้ต้องหาได้ไหวตัวชักอาวุธปืนขึ้นมายิงใส่เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จึงมีการยิงป้องกันตัว ก่อนคนร้ายได้ขับรถแหกด่านการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ออกมา ก่อนจะเข้ามาที่ซอยสุวินทวงศ์ 30/2 เมื่อจวนตัวคนร้ายได้ลงจากรถ พร้อมด้วยยาเสพติดในถุง กระโดดลงไปในคลอง เจ้าหน้าที่สังเกตว่าคนร้ายหายลงไปในคลองนานผิดสังเกต จึงลงไปงมหาในคลอง พบว่าคนร้ายถูกยิงเสียชีวิต ก่อนนำศพขึ้นมาที่ทางเดินเท้าข้างคลอง ซอยสุวินทวงศ์ 30/1 พร้อมของกลางยาไอซ์ 10 ถุง รวมหนัก 10 กิโลกรัม ที่คนร้ายนำติดตัวหลบหนีลงไปในคลองด้วย
ต่อมา ร.ต.ท.ศักดิ์ศิษฐ์ พิพัฒน์มงคลกิจ รองสว.(สอบสวน) ได้ประสานงานชุดประดาน้ำของมูลนิธิร่วมกตัญญูลงค้นหาอาวุธปืนของคนร้ายที่โยนทิ้งลงคลองดังกล่าว ชุดประดาน้ำลงค้นหาอยู่ประมาณ10 นาที พบอาวุธปืนของคนร้ายอยู่บริเวณริมคลองลักษณะเป็นอาวุธปืนคล้ายปืนไทยประดิษฐ์
ด้าน พ.ต.อ.ขจร อบทอง ผกก.สน.ฉลองกรุง เปิดเผยว่า คนร้ายเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ถูกตำรวจ บช.ปส.กระทำการวิสามัญฆาตกรรม ในส่วนของการสอบสวนทางด้าน สน.ฉลองกรุง จะทำสำนวนการชันสูตรศพที่ถูกวิสามัญ ในส่วนของคดีวิสามัญจะเป็นหน้าที่รับผิดชอบของ สน.ลำผักชี จุดที่มีการปะทะกัน และทาง บช.ปส. จะทำสำนวนในส่วนที่คนร้ายครอบครองยาเสพติดดังกล่าว
ทั้งนี้ได้ประสาน พนักงานอัยการ แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ และกองพิสูจน์หลักฐานเข้ามาร่วมตรวจสอบ ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป