ช่วยแล้ว 7 คนไทยที่ไลฟ์เฟซบุ๊ก ขอความช่วยเหลือ หลังถูกแก๊งคอลเซนเตอร์หลอกไปทำงานกัมพูชา
สาวชาวไทย ไลฟ์เฟซบุ๊กขอความช่วยเหลือ บอกว่าเธอและเพื่อน 7 คน กำลังหนีเอาชีวิตรอด หลังถูกชาวจีนหลอก มาทำงานเป็นแก๊งคอลเซนเตอร์ที่ ประเทศกัมพูชา บังคับให้ทำงานวันละ 15 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด ยึดพาสปอร์ต บัตรประชาชน ถ้าใครทำยอดไม่ได้ ก็ไม่ให้เงินเดือน และถูกขายต่อ หรือให้นำเงินแสนมาจ่ายแลกกับอิสรภาพ พวกเธอหนีออกมาไม่ได้ เพราะมีลวดไฟฟ้าล้อมเอาไว้ จึงต้องไลฟ์ให้ชาวเน็ตช่วยแชร์ไปให้ถึงหน่วยงานของรัฐของไทย และกัมพูชามาช่วยเหลือ หากไม่ได้รับการช่วยเหลือ จะถูกตามจับกลับไปกักขังอีก
หลังไลฟ์ดังกล่าวถูกแชร์ออกไป ทีมประสานงานช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ของประเทศไทย ขอความช่วยเหลือ จากหน่วยงานต่าง ๆ กระทั่ง ตี 5 ทำให้แรงงานไทยทั้งหมดได้ ออกจากที่ซ่อน ไปเจรจากับพนักงานรักษาความปลอดภัยชาวกัมพูชา นายทุนชาวจีน สั่งให้ปล่อยตัวทั้งหมดออกไป เพราะเห็นว่ามีการไลฟ์ผ่านทางโซเชียล เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา ทั้งหมดจึงเหมารถตุ๊กๆ ออกมาจากพื้นที่ เช่ารถเดินทางไปที่กรุงพนมเปญ
ล่าสุดเมื่อช่วงค่ำวันที่ 20 ธ.ค. 65 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ พาคนไทยทั้ง 7 หญิง 5 คน ชาย 2 คน เดินทางข้ามสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ตรวจสอบพบว่า 4 คนใช้เอกสารเดินทางข้ามออกไปยังฝั่งกัมพูชาถูกกฎหมาย อีก 3 ลักลอบออกตามช่องทางธรรมชาติ ถูกปรับคนละ 800 บาท และทั้งหมดต้องเสียค่าปรับ 3,000 บาท เพราะไม่มีหนังสือเดินทาง
กลุ่มผู้เสียหาย เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า สมัครงานผ่านเฟซบุ๊ก มีสิ่งจูงใจคือค่าตอบแทน ประมาณ 600 ดอลลาร์ (20,820.00 บาท) เมื่อเดินทางข้ามแดนไปยังกรุงปอยเปต ประเทศกัมพูชา มีเอเย่นต์ พาขึ้นรถตู้ นั่งรถไปนานกว่า 10 ชั่วโมง ถึงเมืองบาเวต จังหวัดสวายเรียง ติดชายแดนประเทศเวียดนาม ไปถึงถูกบังคับให้ทำงานทันที ทำหน้าที่เป็นแอดมิน เว็บเงินกู้ชักชวนคนไทยให้กู้เงิน ลักษณะเป็นเพจปลอม เธอทำยอดไม่ได้ตามเป้าของนายทุนจีน รู้สึกสงสารคนไทยที่ถูกหลอก หากทำยอดไม่ได้ตามเป้าก็จะไม่ได้พัก ต้องอดทนนั่งทำงานติดต่อเหยื่อไปเรื่อยๆ อาหารการกินก็มีแต่ผัก กินก็ไม่อิ่มนอนก็ไม่หลับ
ทางด้าน พันตำรวจเอกรุ่ง ทองมนต์ ผู้กำกับการด่านตรวจคนเข้าเมืองอรัญประเทศ ฝากไปถึงคนไทยที่คิดจะไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้านตรวจสอบข้อมูลให้ดี เพราะสิ่งที่คิด มันไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ โดยเฉพาะคนไทยกลุ่มนี้ที่เดินทางกลับมาได้อย่างปลอดภัย ถือว่าโชคดีมากกว่าหลาย ๆ คนที่คิดจะหลบหนี แล้วถูกจับได้ก่อนจะหายสาบสูญติดต่อไม่ได้จนถึงทุกวันนี้