แม่โวย รพ.จ่ายยาคาลาไมน์ให้ลูก 2 เดือนทาน จนโคม่า เข้าไอซียู แม่ติดใจหากหมอไม่ผิด โอนมาทำไมเกือบแสน ล่าสุด สสจ.สั่งโรงพยาบาลทำรายงานชี้แจง หาสาเหตุต่อไป
วันที่ 24 ธ.ค.65 นางสาวขนิษฐา ยาเขียว อายุ 24 ปี เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อปลายเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ตนเองพาลูกชายอายุ 2 เดือน ไปพบหมอที่ รพ.คลองท่อม เพื่อตรวจสุขภาพเด็กแรกเกิด โดยแพทย์แจ้งว่าลูกมีอาการไข้ อยากให้นอนโรงพยาบาล จึงให้ลูกนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล จนวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา หมอให้กลับบ้านได้ พร้อมสั่งจ่ายยามาให้กิน เมื่อกลังถึงบ้านนำยาที่โรงพยาบาลจ่ายให้ มาป้อนให้ลูกกิน เป็นยาน้ำแบบขวดมีฉลากยาภาษาไทย ซึ่งทางโรงพยาบาลแปะมาให้ ระบุว่า เป็นแคลเซียม ให้รับประทานครั้งละ 1 เม็ด หรือ 1 ซีซี ตนเองก็นำยาใส่หลอดป้อนให้ลูกกินตามคำแนะนำของโรงพยาบาล แต่ 1 ซีซี ต้องป้อน 2 ครั้ง เมื่อป้อนไปครั้งแรก ลูกก็กินปกติ แต่พอป้อนครั้งที่ 2 ลูกไม่ยอมกิน และเริ่มร้องงอแง เธอตกใจมาก จึงเรียกสามีให้มาดู สามีลองชิมยาดู ก็บอกว่าเป็นคาลาไมน์ ยาสำหรับรักษาอาการโรคผิวหนัง ใช้สำหรับทาภายนอก หลังจากนั้นลูกมีอาการอาเจียน อุจจาระออกมาเป็นน้ำ จึงพากลับมาที่โรงพยาบาล คุณหมอให้นอนโรงพยาบาล นอนอยู่ 6 คืน อาการก็ยังไม่ดีขึ้น ทางคาลาไมน์เองก็ไม่ยอมบอกความชัดเจนว่าลูกป่วยเป็นอะไร บอกเพียงอาการไม่หนัก และปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวกับคาลาไมน์ที่กินไป จนวันที่ 7 ธ.ค. น้าสาวของเธอมาเยี่ยม และเห็นว่าลูกอาการยังไม่ดี จึงโวยวายขอให้ทางโรงพยาบาลรีบส่งตัวเด็กไปที่ โรงพยาบาลกระบี่ ก็ไปนอนที่โรงพยาบาลกระบี่ จนวันที่ 11 ธ.ค. หมอก็ให้กลับบ้านได้อีกครั้ง โดยให้ใบรับรองแพทย์ ระบุว่า เด็กมีอาการผิวหนังอักเสบบริเวณถุงอัณฑะ ขณะนั้นก็คิดว่าน่าจะไม่เป็นอะไรแล้ว แต่พอกลับมาอยู่บ้านได้ 2 วัน ลูกก็ยังอาการไม่ดี ยังถ่ายเหลวตลอด จนวันที่ 14 ธ.ค. หมอที่โรงพยาบาลกระบี่ นัดให้มาตรวจอีกครั้ง ก็พาไปตรวจ หลังจากนั้นก็ให้นอนที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการ นอนอยู่ในห้องรวมอาการก็ยังไม่ดีขึ้น จนวันที่ 21 ธ.ค. พาลูกเข้าห้องไอซียู มาจนถึงวันนี้ก็ยังนอนอยู่ห้องไอซียู โดยหมอไม่บอกว่าลูกป่วยเป็นอะไรกันแน่ ซึ่งเธอและสามีก็เริ่มกังวล ว่า ลูกจะเริ่มอาการหนักขึ้น กลัวลูกจะเป็นอะไรไป พยายามบอกหมอให้ช่วยทำเรื่องส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลที่รักษาได้ดีกว่านี้ เพราะเธอเองก็ไม่มีเงินพอจะพาลูกไปรักษาเอง ต้องให้รักษาที่โรงพยาบาลของรัฐ ทางหมอของโรงพยาบาลกระบี่ ก็ยืนยันว่ายังรักษาได้ ยังไม่ยอมส่งตัวไปรักษาต่อที่อื่น ทำให้ตนเองกังวลมาก จนถึงวันนี้ตนเองยังเชื่อว่าสาเหตุที่ลูกอาการหนักขึ้น น่าจะเกิดจากยาคาลาไมน์ที่กินไป แต่ที่ผ่านมาทางโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง ต่างปฏิเสธว่าไม่เกี่ยว
แต่ตนเองก็ยังสงสัยว่าถ้าไม่ใช่ความผิดโรงพยาบาล และทำไมทางโรงพยาบาลประจำอำเภอ จึงโอนเงินมาให้ตนเองจำนวน 70,000 บาท และให้เงินเป็นค่าใช้จ่าย อีก 5,000 บาท ในวันที่ส่งตัวมาโรงพยาบาลกระบี่ อยากให้ทางโรงพยาบาลช่วยอธิบายเรื่องนี้ ว่าตอนนี้ลูกตนเองป่วยเป็นอะไร อาการหนักแค่ไหน และออกมายอมรับผิดกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นด้วย หากลูกต้องรักษาตัวต่อเนื่องจากโรคต่างๆ ที่เกิดขึ้น ตนและสามี มีฐานะยากจนกังวลว่าจะมีเงินใช้รักษาตัวลูกในอนาคต ซึ่งขณะนี้รอ การชี้แจงจาก ทาง โรงพยาบาลที่เกิดเหตุ
ความคืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.สินชัย รองเดช สสจ.กระบี่ กล่าวว่า เบื้องต้นตนเองเพิ่งทราบข่าวจากสื่อ กรณีเด็กชายวัย 2 เดือน กินยาคาลาไมน์เข้าไป ตอนนี้จึงสั่งการไปที่โรงพยาบาลต้นทาง ซึ่งเป็นโรงพยาบาลประจำอำเภอให้ทำรายงานชี้แจงเรื่องนี้มาให้ทาง สสจ.รับทราบ เพื่อดำเนินการตรวจสอบว่าเป็นความผิดพลาดในขั้นตอนไหน แต่เท่าที่ได้ข้อมูลมาในขั้นต้น อาจเกิดจากขั้นตอนการจ่ายยาให้คนป่วย ซึ่งโดยหลักปฏิบัติแล้ว การจ่ายยาให้ผู้ป่วยของโรงพยาบาลจะต้องผ่านการตรวจสอบใน 2 ขั้น คือผู้ที่เตรียมยาตามใบสั่งแพทย์ จากนั้นก็จะมีเภสัชกรประจำห้องจ่ายยา ตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้งว่ายาที่จะให้คนป่วยถูกต้องตามใบสั่งของแพทย์หรือไม่ เท่ากับการจ่ายยา ต้องมี จนท.ทำด้วยกันอย่างน้อย 2 คน หลังจากนี้จะรอรายงานก่อน และจะสั่งให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้ง
ในส่วนการช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายนั้น นพ.สินชัย กล่าวว่า ในเบื้องต้นทางญาติผู้ป่วย สามารถมายื่นเรื่องให้ สสจ.พิจารณาช่วยเหลือตามมาตรา 41 ซึ่งจะนำเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการระดับจังหวัดพิจารณาช่วยเหลือ อาทิ การเยียวยาพ่อแม่ที่ไม่สามารถทำงานได้ ทำให้ขาดรายได้ในช่วงที่เฝ้าไข้ ในส่วนของอาการเด็ก ทราบว่าเด็กถูกส่งต่อมารับการรักษาที่โรงพยาบาลกระบี่ ก็ให้เป็นหน้าที่ของโรงพยาบาลกระบี่ทำการรักษา และตรวจสอบหาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง ว่าอาการของเด็กเกิดมาจากการรับประทานยาดังกล่าวไปหรือไม่ ตอนนี้สำคัญที่สุดคือให้เด็กปลอดภัยก่อน