"ราชทัณฑ์" เปิดผลสอบข้อเท็จจริงกรณีประสิทธิ์ เจียวก๊ก วางแผนหลบหนีที่ศาล หลังแต่งตั้งคณะกรรมการแล้ว 7 วัน พบเจ้าหน้าที่มีความบกพร่องในหน้าที่ พร้อมสั่งลงโทษ
วันที่ 29 ธันวาคม 2565 นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยกรณี นายประสิทธิ เจียวก๊ก จำเลยในความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ได้วางแผนหลบหนีขณะออกไปศาลอาญาระหว่างพิจารณาคดี โดยฉวยโอกาสในขณะที่ขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำ กรมราชทัณฑ์ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง และขอให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน โดยมี ผู้อำนวยการกองทัณฑวิทยา เป็นประธานกรรมการ ในการสอบหาข้อเท็จจริง นั้น
นายอายุตม์ฯ กล่าวว่า บัดนี้เป็นระยะเวลาครบ 7 วันแล้ว กรมราชทัณฑ์ขอเรียนว่า ในเบื้องต้นคณะกรรมการได้สอบปากคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง พบว่า ลังไม้ที่ใช้เก็บกุญแจข้อเท้าซึ่งตั้งอยู่ที่ด้านนอกที่ทำการอาคารฝ่ายควบคุมกลาง เรือนจำกลางคลองเปรม ไม่ได้มีการปิดล็อคกุญแจลังไม้ หลังจากที่มีการสวมใส่กุญแจเท้าให้กับผู้ต้องขังที่เบิกตัวไปศาลเรียบร้อยแล้ว ผู้ต้องขังอาศัยช่วงโอกาสในการหยิบ พวงกุญแจพร้อมลูกกุญแจที่อยู่ในลังไม้ดังกล่าว ทำให้ผู้ต้องขังสามารถลักลอบนำลูกกุญแจจากพวงกุญแจ ที่มิได้มีการยึดติดไว้มาแอบซุกซ่อนในหน้ากากชนิดผ้าและออกไปศาลในวันดังกล่าว โดยขณะที่นายประสิทธิ์อยู่ที่ศาลระหว่างที่ขึ้นไปห้องพิจารณาคดีได้ขออนุญาตเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมเข้าห้องน้ำโดยอ้างว่าปวดท้องหนัก ซึ่งระหว่างนั้นได้มีการนัดแนะกับบุคคลภายนอกเพื่อนำเสื้อผ้าเพื่อใช้ในการหลบหนี อาศัยผนังห้องน้ำในการส่งเสื้อผ้าให้กับนายประสิทธิ์ จากนั้นนายประสิทธิ์ได้เปลี่ยนเป็นชุดลำลองและเดินออกมาจากห้องน้ำเดินมา ที่บันไดชั้น 9 ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมสังเกตเห็นความผิดปกติ จึงได้กลับไปตรวจสอบห้องน้ำอีกครั้ง ปรากฏว่าไม่พบนายประสิทธิ์แล้วจึงมั่นใจว่านายประสิทธิ์ได้หลบหนี เจ้าหน้าที่จึงได้ติดตามเข้าจับกุมได้ที่บริเวณชั้น 3
จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการพบว่า เป็นความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมในการตรวจสอบเครื่องพันธนาการ การดูแล การเก็บรักษากุญแจ รวมถึงการตรวจค้นร่างกายผู้ต้องขังก่อนออกภายนอกเรือนจำเพื่อนำไปขึ้นศาล ในส่วนของเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมนายประสิทธิ์ เข้าห้องน้ำในวันนั้นไม่ได้ปฏิบัติตามมาตรการการควบคุมผู้ต้องขัง เป็นเหตุให้ผู้ต้องขังฉวยโอกาสในการหลบหนีไปได้ ขณะนี้กรมราชทัณฑ์ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องบางส่วนไปปฏิบัติหน้าที่ภายในส่วนกลางกรมราชทัณฑ์และย้ายออกจากเรือนจำที่ปฏิบัติงานไว้ก่อนแล้ว ซึ่งกรมราชทัณฑ์จะได้ดำเนินการทางวินัยหรือทางอาญากับ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อไป