เข้าสู่วันที่ 2 ของช่วง 7 วันอันตราย คุมประพฤติคดีเมาขับ นนทบุรีอันดับหนึ่ง รองลงมาสมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร
นายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวถึงสถิติคดีที่เข้าสู่กระบวนการคุมความประพฤติในวันที่สองของการควบคุมเข้มงวด (30 ธ.ค.) มีคดีทั้งสิ้น 1,507 คดี เป็นคดีขับรถขณะเมาสุรา 1,433 คดี คดีขับรถประมาท 2 คดี คดีขับเสพ 72 คดี ซึ่งจังหวัดนนทบุรี มีสถิติคดีเมาขับสะสมสูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง 120 คดี รองลงมาสมุทรปราการ 105 คดี และกรุงเทพมหานคร 92 คดี เมื่อเปรียบเทียบสถิติคดีเข้าสู่งานคุมประพฤติในวันที่สองของเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2565 และ พ.ศ. 2566 พบว่า คดีขับรถขณะเมาสุราปี 2565 จำนวน 575 คดี และปี 2566 จำนวน 1,433 คดี เพิ่มขึ้น 858 คดี คิดเป็นร้อยละ 95.9
อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้กระทำผิดที่เข้าสู่กระบวนการคุมความประพฤติในฐานความผิดขับรถขณะเมาสุราทุกราย จะต้องผ่านการคัดกรองตามแบบประเมินพฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หากพบว่ามีความเสี่ยงสูงจากการติดสุราจะส่งบำบัดรักษาตามสถานพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และหากพบว่ามีแนวโน้มกระทำผิดซ้ำสูงจะส่งไปแก้ไขฟื้นฟูแบบเข้มข้นในรูปแบบค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ระยะเวลา 3 วัน และยังคงต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการคุมความประพฤติ อาทิ รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ และทำงานบริการสังคมที่ให้ตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดจากการเมาแล้วขับ ทั้งนี้ สำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศ ได้ร่วมสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่บริเวณจุดบริการประชาชน ด่านชุมชน และด่านตรวจค้น จำนวน 133 จุด โดยมีเจ้าหน้าที่ อาสาสมัครคุมประพฤติ ภาคีเครือข่าย เครือข่ายยุติธรรมชุมชน ประชาชนและผู้ถูกคุมความประพฤติ เข้าร่วมกิจกรรมทั้งสิ้น 2,658 คน
ในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่นี้ ขอฝากความห่วงใยให้กับประชาชน โดยเฉพาะงานสังสรรค์ที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ควรขับรถขณะเมาสุรา ขับขี่ด้วยความระมัดระวัง และสวมหมวกนิรภัย เพื่อป้องกันการสูญเสียต่อตนเองและครอบครัว