หัวร้อน !! "เรื่องขี้หมา" "ลุงไทย" โวย "ลุงฝรั่ง" พาหมามาขี้ใส่หน้าบ้านและที่ทำงานซัดกันนัวจนเจ็บทั้งคู่

31 ธ.ค. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณีเฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์เรื่องราวชายชาวต่างชาติที่ระบุว่าเป็นสามีถูกทำร้ายร่างกาย จนได้รับบาดเจ็บที่เบ้าตาซ้ายเป็นรอยช้ำ และมีการย้อนเรื่องราวสาเหตุว่าเกิดจากการทะเลาะกับเพื่อนบ้าน เนื่องจากฝ่ายชายชาวต่างชาติมักจะตะเวนขับรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง ไปให้อาหารสุนัขจรจัดในละแวกบ้าน ส่วนฝ่ายคู่กรณีที่เป็นชายบ้านใกล้กัน พยายามตักเตือนว่าให้ไปให้อาหารบริเวณอื่น เพราะสุนัขจะมาอุจจาระหน้าบ้าน และพื้นที่ใกล้เคียง เบื้องต้นทั้งสองฝ่ายต่างแจ้งความในข้อหาทำร้ายร่างกาย ยังหาข้อสรุปไม่ได้

ต่อมา ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านของเจ้าของโพสต์คือนางชลลดา อุระสาห์ หรือดา อายุ 46 ปี และ มร.มาร์โก อเล็กซ์ มาติน อายุ 65 ปี สามีชาวลักเซมเบิร์ก ด้านหน้าบ้านเปิดเป็นร้านนวดแผนไทย ส่วนบ้านไม้ 2 ชั้นด้านหลังเป็นบ้านพัก มีรั้วรอบด้าน เพื่อขังสนัขพันธุ์ไทยที่เลี้ยงไว้จำนวน 5 ตัว โดยทั้งสองคนนำใบแจ้งความ และหลักฐานภาพถ่ายและคลิปวิดีโอในโทรศัพท์ มาเปิดให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมกับให้ข้อมูลในเบื้องต้น

ทั้งคู่เล่าว่า แต่งงานกันมาได้ประมาณ 10 ปี แต่ก่อนอาศัยอยู่ในตลาด อ.กุมภวาปี เพิ่งจะย้ายมาปลูกบ้านหลังนี้ได้ประมาณ 4 ปี ซึ่งเป็นพื้นที่ของแม่ เปิดเป็นร้านนวดแผนไทย ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่ก็เริ่มมีปัญหากับเพื่อนบ้านชื่อลุงจุ้ย ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 200 เมตร สามีรักสุนัขมาก ตอนเช้าจะชอบพาสุนัขออกไปเดินเด่นริมถนนหน้าบ้าน และมักจะเตรียมอาหารใส่รถจักรยานยนต์พ่วงข้าง ตะเวนขับออกไปตามที่ต่างๆในหมู่บ้านเพื่อเอาไปให้สุนัขจรจัดและสุนัขริมทาง ชาวบ้านแถบนี้รู้ดีกันหมดว่าสามีเป็นคนมีนิสัยเอื้อเฟื้อรักสัตว์ ไม่เคยมีใครว่าสามีสักครั้ง เขาทำแบบนี้ตั้งแต่อยู่ในตลาดแล้ว

 

“ ส่วนคู่กรณีนั้นเราก็ไม่ทราบว่าจะมาโกรธแค้นอะไรพวกเรามากนัก เขาอ้างว่าสุนัขไปอุจจาระใส่หน้าบ้านเขา ไปอุจจาระใส่พื้นที่ตลาดนัดข้างบ้านเขา ขอชี้แจงว่าสุนัขของเราที่พาไปเดินเล่น สามีจะเตรียมถุงพลาสติกไปเก็บทุกครั้ง เขารู้ว่าต้องรับผิดชอบอย่างไร ส่วนสุนัขตัวอื่นที่ไม่ได้เลี้ยง เราก็ไม่รู้ว่าจะอุจจาราระตรงไหนอย่างไร ถ้าเป็นสุนัขที่เราเลี้ยงเราดูแลตลอด คู่กรณีเขาก็มาว่าสามี ไล่สามี ยิงหนังสติกใส่ทั้งสามีและสุนัข ถึงขั้นเปิดกางเกงโชว์ก้นยั่วยุกัน ไม่ให้จูงหมาหรือพาหมาไปทางบ้านเขา เราก็หลบเลี่ยงไม่พาไป แต่เขาต้องมาดูแลคลินิกฟอกไตที่อยู่เยื้องบ้าน จึงปะทะคารมและทำร้ายร่างกายกัน เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ”

 

นางชลลดา เล่าให้ฟังทั้งน้ำตาอีกว่า รู้สึกสงสารสามีมากที่ได้บาดเจ็บ เขาถูกคู่กรณีต่อยเข้าที่เบ้าตาซ้าย และที่บริเวณศีรษะด้านซ้าย ไม่รู้ว่าถูกต่อยไปกี่ครั้ง จนเบ้าตาซ้ายแดงช้ำ มีเลือดออกในลูกตา ศีรษะบวมช้ำ เจ็บที่แขนและตามร่างกายด้วย วันนั้นเราก็พาสามีไปแจ้งความทันที ซึ่งตำรวจบอกว่าจะนัดมาให้ปากคำอีกครั้ง 1 เดือนข้างหน้า ทุกวันนี้ทุกข์ใจที่สุด สามีอายุมากแล้ว ต้องการอยู่อาศัยที่นี่ในบั้นปลายของชีวิต แต่ก็มีเจอเรื่องไม่ดีแบบนี้ สามีเคยชวนย้ายไปอยู่ที่อื่น เพราะไม่อยากมีเรื่อง ตนก็บอกว่าเราไม่ได้ผิด จะย้ายไปทำไม และต้องอยู่ดูแลแม่อีกด้วย วันนี้อัดอั้นตันใจมาก ให้ผู้ใหญ่บ้านมาไกล่เกลี่ย แจ้งความตำรวจ แต่ก็ยังไม่จบเรื่อง หากเจรจากันได้ตนก็ไม่มีปัญหา

 

ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับนายสมจิตร ถึงนอก หรือลุงจุ้ย อายุ 66 ปี เจ้าของบ้าน และคู่กรณี โดยลุงจุ้ยเล่าให้ฟังว่า ตนมีอาชีพเป็น รปภ.ของคลินิกฟอกไต ที่อยู่เยื้องกับบ้านหลังนั้น ปัญหาเริ่มจากฝรั่งคนนี้มักจะพาสุนัขออกมาเดินเล่น แต่เขาควบคุมสุนัขไม่ได้ สุนัขมักจะเข้าไปในคลินิกแล้วไปอุจจาระใส่พื้นที่ ตนก็ต้องหาก้อนหินขว้างไล่ออกมา สุนัขสร้างความเดือดร้อนมาก อุจจาระไม่เป็นที่เป็นทาง ซ้ำยังมาอุจจาระใส่พื้นที่ว่างตรงตลาดนัดข้างบ้าน หลายครั้งมาอุจจาระหน้าบ้านตนด้วย ลูกสาวตนเปิดร้านอาหารตามสั่ง ก็ต้องไล่ออกไป ไม่ให้มาเลอะมาเปื้อนหน้าบ้าน

 

“ ตนกับฝรั่งทะเลาะกันมาหลายปี มีการทำร้ายร่างกันมาแล้ว 4 ครั้ง ในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา ผู้ใหญ่บ้านมาช่วยเจรจาไกล่เกลี่ยแล้ว เราก็ตกลงกันว่าต่างคนต่างอยู่ แต่ที่สุดแล้วก็ยังมาสร้างความเดือดร้อนให้กับบ้านตนอยู่ดี เขาเองก็ทำร้ายร่างกายเรา ใช้ไม้มาตีตนเองเช่นกัน จนได้รับบาดเจ็บที่หน้าผากและปาก ตนมีหลักฐานเหมือนกัน ถ่ายรูปตอนบาดเจ็บเอาไว้ บ้านนั้นเขาโพสต์เฟซบุ๊คว่าเรา กล่าวหาเรา เราก็ได้แต่เงียบ ไม่อยากตอบโต้ ซึ่งลูกได้เซฟข้อความเอาไว้ และปรินท์เก็บไว้แล้ว คิดอยู่ว่าจะต้องแจ้งความดำเนินคดีกลับคืนบ้าง ส่วนเรื่องที่ตนแจ้งความเอาไว้ ตนก็อยากจบเรื่อง ตำรวจก็บอกว่าเรื่องการสมัครใจทำร้ายร่างกายกัน อยากให้อยู่กันแบบมีความสุข ไม่ต้องมาสร้างความเดือดร้อนให้กันอีก ”