"มาดามเดียร์" ยินดี "พล.อ.ประยุทธ์" เป็นนักการเมืองเต็มตัว - ขอ ปชช.ร่วมกันต้าน "ธนกิจการเมือง"
นางสาววทันยา วงษ์โอภาสี ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมืองกรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ แสดงความยินดีกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เตรียมสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ในวันที่ 9 มกราคมนี้ ที่ตัดสินใจเข้าสนามการเมืองแบบประชาธิปไตยอย่างเต็มตัว พร้อมเห็นว่า ไม่ว่าใครที่อาสามาทำงานเพื่อประเทศ และประชาชน ถือเป็นทางเลือกให้ประชาชนได้พิจารณาให้ตอบโจทย์ในการแก้ไขปัญหา และพัฒนาประเทศ แต่ยังกังวลปัญหาธนกิจการเมือง ที่จะมีการใช้เงินมาชี้นำเลือกตั้ง จึงขอให้ประชาชน ช่วยกันต่อต้านปัญหาดังกล่าว ที่จะมาทำลายประชาธิปไตยของประเทศ
ส่วนการประเมินคู่แข่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองต่าง ๆ ทั้ง พลเอกประยุทธ์ และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณนั้น นางสาววทันยา เห็นว่า ตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมือง แม้จะเป็นปัจจัยสำคัญ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เนื่องจากการทำงานของพรรคฯ มีองค์ประกอบหลายส่วนทั้งกรรมการบริหารพรรคฯ สมาชิกพรรคฯ และผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค รวมถึงจุดยืนอุดมการณ์ พร้อมยืนยันว่า ส่วนตัวแล้วยังคงมีความเชื่อมั่นใจพรรคประชาธิปัตย์ และมีผู้สมัครของพรรคทุกคน
นางสาววทันยา ยังได้กล่าวถึงกระแสตอบรับในพื้นที่กรุงเทพฯ ภายหลังมาร่วมทำงานกับพรรคประชาธิปัตย์ในระยะเวลาหนึ่งแล้วว่า แม้ว่าในการเลือกตั้งที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ จะยังไม่ประสบความสำเร็จ แต่เมื่อลงพื้นที่พบปะกับประชาชนตามชุมชนแล้ว พบว่าประชาชนยังพร้อมให้การสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของพรรคฯ ที่สะท้อนความเป็นสถาบันทางการเมืองของประชาชนมา 76 ปี และเชื่อว่านอกจากจุดยืน และอุดมการณ์ทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ที่ผ่านมา จะสามารถครองใจประชาชนคนกรุงเทพฯ ได้แล้ว ที่ผ่านมาพรรคก็มีการนำเสนอนโยบาย ที่สะท้อนจากจุดยืนของพรรค พิมพ์ชื่อว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้า นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ ก็จะสามารถครองใจประชาชนได้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการกลั่นกรอง เพื่อให้สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ภายใต้ยุทธศาสตร์ "สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ" ที่เป็นยุทธศาสตร์นโยบายหลัก
ขณะเดียวกัน ในวันนี้ (6 ม.ค.) นางสาววทัญญา พร้อมด้วยนายวัชระ เพชรทอง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตหนองแขม-ทวีวัฒนา พรรคประชาธิปัตย์ ยังได้ลงพื้นที่ศูนย์เด็กเล็กสิริสมบัติ เขตหนองแขม เพื่อติดตามโมเดลการป้องกันเยาวชนจากเหตุอันตราย หลังเกิดเหตุที่ศูนย์เด็กเล็กจังหวัดหนองบัวลำภู ซึ่งศูนย์เด็กเล็กแห่งนี้ มีการติดสัญญาณเตือนภัย และมีปุ่มแจ้งเตือนเหตุภายในโรงเรียนหลายจุด และสอนให้นักเรียน รู้วิธีการปฏิบัติตน เมื่อสัญญาณเตือนภัยดัง ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นป้องกันเหตุ แม้จะป้องกันไม่ได้ทั้งหมด แต่ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดี จึงเรียกร้องไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ร่วมกันบูรณาการป้องกันปัญหานี้ต่อไป เพื่อให้เด็กและเยาวชนมีความปลอดภัย