"ทนายไพศาล" ควงคู่ "หมอปลา" บุกโรงพักทวงถามคดีขืนใจเด็ก11ปี ถูกตำรวจสายสืบตรวจค้นบ้านเจอยาบ้าปริศนากว่า9ร้อยเม็ด แฉคนแอบอ้างเป็นนักข่าววิ่งเต้นเคลียร์คดี

9 ม.ค. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ และ นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือหมอปลามือปราบสัมภเสี และ ทีมงาน ได้เดินทางไปที่ สภ.แกลง ระยอง เพื่อช่วยเหลือกรณีที่พ่อแม่ ด.ญ.11 ปี ร้องเรียน กรณี ลูกสาว ถูกคนข้างบ้านข่มขืน จนกระทั่งมีการแจ้งความไว้แล้วที่ สภ.แกลง ระยอง หลังจากนั้น มีคนแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่สำนักยุติธรรม จ.ระยอง แบะ เป็น ผู้สื่อข่าวช่องดัง เพื่อวิ่งล้มคดี แถมพ่อแม่เด็กยังถูกค้นบ้านจนเจอยาบ้า จำนวน 9 ร้อยกว่าเม็ด และ ถูกกลั่นแกล้ง โดยพา พ่อแม่เด็ก และ พยาน ที่อยู่ในเหตุการณ์ มาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลคดี

 

เมื่อเดินทางมาถึง พ.ต.ท.มานพ ประสาท รองผกก.(สอบสวน) สภ.แกลง ระยอง ได้ เปิดห้อง ให้ทั้งหมด เพื่อรับฟังปัญหาที่เกิดขึ้น

 

ทนายไพศาล ได้กล่าวว่า ที่มาวันนี้ เพื่อสอบถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ ที่ ด.ญ.แดง(นามสมมุติ) อายุ 11 ปี ที่อาศัยอยู่กับบิดามารดา ในพื้นที่ ม.6 ต.กระแสบน อ.แกลง จ.ระยอง ได้ถูก นายวิชาณ สรานนท์ อายุ 44 ปี คนข้างบ้าน เข้าทำการข่มขืน เมื่อปลายเดือนมี.ค.65 โดยปีนเข้าทางหน้าต่าง ขณะที่พ่อแม่ออกไปกรีดยาง ก่อนลงมือข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ หลังจากนั้นก็กระทำการข่มขืนมาอีกกว่าสิบครั้ง จนกระทั่งมารดาของเด็กพบความผิดปกติจึงเค้นถาม จนเด็กรับว่าถูกจ่มขืน ซึ่งต่อมาได้มีการแจ้งความไว้ที่ สภ.แกลง เมื่อวันที่ 19 ก.ค.65 อยากทราบความคืบหน้าของคดี

 

ส่วนประเด็น ที่มีเจ้าหน้าที่ยุติธรรมจ.ระยอง แอบอ้างว่าเป็นนักข่าว ได้เข้ามาเคลียร์คดี โดยต้องการให้ยุติการดำเนินคดี ต่อผู้ข่มขืน เสนอเงินให้ แต่ทางพ่อแม่เด็กไม่ยอมรับ จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ ที่คล้ายกับการถูกกลั่นแกล้ง ไม่ว่าจะเป็น เหตุการณ์ตำรวจขุดสืบสวน สภ.แกลง เข้าทำการค้นบ้าน โดยไม่มีหมายค้น และ พบยาบ้าอยู่ข้างบ้านจำนวน 9 ร้อยกว่าเม็ด ทั้งๆที่พ่อแม่เด็กไม่มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดมาก่อน และ ถูกตรวจสอบเรื่องที่ดินทำกิน จึงต้องการทราบข้อเท็จจริง และความคืบหน้าที่เกิดขึ้น ทนายไพศาล กล่าว

 

ด้านมารดาของ ด.ญ.11ปี ได้ เปิดเผยว่า หลังจากเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายวิชาณ สรานนท์ อายุ 44 ปี คนข้างบ้านที่ข่มขืนลูกสาว จนกระทั่งมีการสอบสวนจากสหวิชาชีพ จึงทำให้ได้รู้จักกับนายธนภัทร มาลัยทอง เจ้าหน้าที่ยุติธรรมจ.ระยอง ที่โทรศัพท์เข้ามาหา และ แจ้งว่าจะช่วยเหลือเรื่องคดี และ เมื่อวันที่ 20 ส.ค.65 นายธนภัทร ได้มาพบที่บ้าน และ รับปากว่าจะช่วยเหลือเรื่องคดี พร้อมทั้งขอดูพระเครื่อง และ นำเอาพระเครื่องไปด้วยกว่า 300 องค์ แล้วก็มาพบอีกครั้ง โดยพาไปเจรจาเรื่องคดี ก่อนจะขอค่าน้ำมัน 1000 บาท และ สลากกินแบ่งรัฐบาลจำนวน 1ชุด ไป หลังจากนั้น ก็ติดต่อกันมาตลอด โดยต่อมาให้ตนเองเรียกร้องค่าเสียหาย จึงเรียกไปจำนวน 500000 บาท โดยมีการเจรจาว่า จะต้องถูกหักจำนวน 150000 บาท ใหักับตำรวจ และ ต้องยุติเรื่องคดี แต่ทางตนเองและพ่อเด็กไม่ยอม หลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ค้นบ้านจนเจอยาบ้า และ ตรวจสอบที่ดินทำกิน จึงคาดว่าคงจะเกิดจากการที่ตนเองไม่ยอมรับข้อเสนอ ต่อมาจึงร้องเรียนไปขอความช่วยเหลือ ต่อ ทนายไพศาล

 

แม่เด็กกล่าวต่ออีกว่า หลังจากที่มีการแจ้งความ ภรรยาของผู้ต้องหา ได้บุกมาทำร้ายตนเองและลูกถึงบ้าน พร้อมด่าทอว่า ลูกสาวให้ท่าเอง ตนเองจึงไปแจ้งความ จนต่อมามีไกล่เกลี่ยกัน จนยุติเรื่องกันไป

 

ด้านพ.ต.ท.มานพ ได้ กล่าวว่า เรื่องคดีข่มขืน ด.ญ. 11 ปี ซึ่งได้รับแจ้งวันที่ 19 ก.ค.65 จึงได้มีการดำเนินการออกหมายจับ จนสามารถจับกุมนายวิชาณ สรานนท์ อายุ 44 ปีผู้ต้องหาได้ ก่อนที่ผู้ต้องหาได้ประกันตัวในชั้นศาล และ ยื่นประกันตัวในชั้นศาล แล้วก็หนีการประกันตัวไป ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัวอยู่ คาดว่าคงจะได้ตัวในไม่ช้า ส่วนกรณีที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 นาย ที่เข้าไปค้นบ้านของพ่อแม่เด็ก ทั้ง4นายเป็นตำรวจชุดสืบสวนของสภ.แกลง จริง เบื้องต้นทราบว่าได้รับแจ้งจากสายลับว่าพบยาบ้าจึงเข้าไปตรวจค้น ส่วนกรณีนายนรภัทร เป็นลูกจ้างชั่วคราวของยุติธรรมจ.ระยอง จึงมีการส่งเรื่องไปให้ ปปช.ระยองตรวจสอบ ล่าสุดทราบว่า ถูกใหัออกจากงานไปแล้ว

 

ต่อมาหมอปลา ได้กล่าวว่า ต้องการให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง4นาย ที่เข้าไปค้นบ้านพ่อแม่เด็ก มาชี้แจงต่อหน้าพ่อแม่เด็ก ปรากฏว่าออกไปปฏิบัติงานกันทั้งหมด

 

จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง4นาย ได้เดินทางมาพบกับพ่อแม่เด็ก และ หมอปลา โดยชี้แจงว่า สืบทราบจากสายลับภายในงานศพงานหนึ่งในหมู่บ้านเกิดเหตุ ว่ามีการส่งยาบ้ากัน แล้วนำไปซุกซ่อนที่บ้านของพ่อแม่เด็ก จึงเข้าไปตรวจสอบจนพบยาบ้าจำนวนดังกล่าว

 

หมอปลา ได้กล่าวว่า หากได้รับแจ้งจากสายลับ ก็ต้องมีตัวตนจริง จึงต้องจับตัวมาดำเนินคดีให้ได้ จะได้ช่วยให้ความจริงปรากฎ เป็นประโยชน์ต่อตำรวจทั้ง4คนด้วย จะได้หมดข้อครหาว่ายัดยาเสพติด ก็ในเมื่อมีข้อมูลถึงขั้นรู้ที่ซ่อนยาบ้าก็ต้องรู้ว่าใครเป็นเจ้าของ ก็ต้องจับตัวมาดำเนินคดี

 

ด้านพ่อแม่ ด.ญ.11ขวบ ได้กล่าวว่า ต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งจับตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว ครอบครัวเสียใจมากต่อเหตถการณ์ที่เกิดขึ้น ลูกสาวมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป กลายเป็นเด็กที่กร้าวร้าวต่อพ่อแม่ อยากให้ลูกสาวกับมาเป็นเหมือนเดิม