ผู้ว่าฯโคราช เข้มคุมค่าฝุ่นพิษจากการจราจร พร้อมเอาผิดคนลักลอบเผา โทษทั้งจำและปรับ
จากข้อมูลคุณภาพอากาศจากแอปพลิเคชัน Air 4 Thai รายงานสรุป ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 วันนี้ (10 ม.ค.) เวลา 07.00 น. ที่ระบุว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ภาพรวม อยู่ในเกณฑ์ ดีมาก เฉลี่ยอยู่ที่ 12-30 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร แต่เมื่อโฟกัสไปดูสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ 4 จังหวัดอีสานตอนล่าง ซึ่งได้แก่ จ.นครราชสีมา , บุรีรัมย์ ,ชัยภูมิ และ จ.สุรินทร์ ทางสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 11 นครราชสีมา ได้รายงานข้อมูลล่าสุดวานนี้ (9 มกราคม 2566) พบว่า ค่าฝุ่น PM 2.5 ใน จ.นคราชสีมา อยู่ที่ 38 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง สีเหลือง ขณะที่ จ.ชัยภูมิ อยู่ที่ 35 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อยู่ในเกณฑ์ดี สีเขียว, จ.บุรีรัมย์ อยู่ที่ 34 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อยู่ในเกณฑ์ดี สีเขียว และ จ.สุรินทร์ อยู่ที่ 41 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง สีเหลือง
ซึ่งในส่วนของ จ.นครราชสีมา จะเห็นว่า คุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง สามารถทำกิจกรรมกลางแจ้งได้ตามปกติ แต่กลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก คนชรา หญิงมีครรภ์ และผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวในกลุ่มโรคทางเดินหายใจและโรคหัวใจและหลอดเลือด ควรเฝ้าระวังสุขภาพ โดยหากมีอาการเบื้องต้น เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง ซึ่งหากสภาพอากาศยังร้อนจัดไม่มีฝนตกลงมาช่วยลด ค่าฝุ่นมลพิษทางอากาศ ก็จะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจนถึงขั้นเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา จึงสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคุมเข้มค่าฝุ่น PM 2.5 จากการจราจร และเร่งรณรงค์ขอความร่วมมือประชาชน งดจุดธูปเทียนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่จังหวัด และลดปัญหาหมอกควัน อันเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดมลพิษทางอากาศ
นอกจากนี้ ให้สำนักงานขนส่งจังหวัดฯ ดำเนินการเชิงรุกจัดจุดตรวจวัดควันดำตามแผนแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 หากพบรถที่มีค่าควันดำหรือมีฝุ่น PM 2.5 อยู่ที่ 20-30 % ต้องแจ้งเตือนให้รีบนำรถไปตรวจสอบ และรถที่มีค่าควันดำเกินร้อยละ 30 เจ้าหน้าที่ฯ ต้องพ่นสี “ห้ามใช้งาน” ที่บริเวณหน้ากระจกรถ ซึ่งหากฝ่าฝืนออกมาสัญจรบนถนน จะดำเนินการจับปรับทันที รวมทั้ง ให้ออกประกาศคุมเข้มผู้กระทำความผิด ลักลอบเผาต่อซังและเศษพืชผลทางการเกษตร หรือฝ่าฝืนจุดไฟเผาป่า เผาในที่โล่ง หรือพื้นที่ริมทางหลวง ให้ดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายทันที โดยผู้ฝ่าฝืนจะมีโทษทั้งจำและปรับ.