"กัน จอมพลัง" พา พม.-ตำรวจ ลงพื้นที่ช่วยเด็กขายพวงมาลัย ฝากถึงผู้หวังดี เลิกอุดหนุนเด็กเพราะเหมือนเป็นการทำร้ายเด็กทางอ้อม
วันที่ 12 ม.ค. 2566 ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ "กัน จอมพลัง" พาเจ้าหน้าที่ พม. ตำรวจ กก.ดส. และสื่อมวลชน ลงพื้นที่ภายในชุมชนโค้งรถไฟยมราช เขตราชเทวี กรุงเทพฯ เพื่อช่วยครอบครัวเด็ก 4 คน อยู่กับยายที่เดินไม่ได้ หลังประสบอุบัติเหตุถูกรถชน
นายกัณฐัศว์ กล่าวว่า จากกรณีมีเด็กมาเกาะข้างรถที่บริเวณสี่แยกไฟแดง ขอเงินตน 100 บาท แล้วอ้างว่า ยายติดค่าเช่าบ้านเลยมาขายของหาค่าเช่าให้ยาย เพราะยายโดนรถชนเดินไม่ได้ และตนสัญญากับครอบครัวน้องว่าจะกลับมาช่วย แต่ต้องมีข้อแม้ว่าน้องต้องไปเรียนหนังสือ และห้ามให้น้องมาขายของตามข้างถนน
จากการลงพื้นที่วันนี้ พบว่า เด็กกำลังจะออกไปขายของเช่นเดิม โดยเด็กจะไปรับดอกไม้ต้นทุน 10 บาท และนำไปขาย 20 บาท ซึ่งตนก็ได้มีการพูดคุยกับครอบครัวเด็กอีกรอบว่า แบบนั้นอันตรายมากเพราะหากไปเจอคนที่ไม่หวังดีเอาขึ้นรถไป คุณอาจจะเสียน้องไป ซึ่งจากสภาพบ้านและครอบครัวที่เห็น ตนรู้เลยว่าดูแลเด็กไม่ไหวแน่นอน
"เรื่องแบบนี้แก้ไขยากเพราะว่าเป็นเรื่องของความน่าสงสารในสังคม จะมองว่า การที่เราให้เงินไปเป็นการช่วยเหลือเด็ก ผมบอกตรงนี้นะครับ หลายท่านอาจจะไม่พอใจในสิ่งที่ผมพูด แต่ผมก็ช่วยเด็กมาไม่รู้กี่คนแล้ว สิ่งนี้มันอาจจะเป็นการทำร้ายเด็กทางอ้อม"
จากการสอบถามเด็กหญิง ก. นามสมมติ พบว่า น้องไม่ได้ไปโรงเรียนมากกว่า 1 เดือน เนื่องจากถูกเพื่อน แม้กระทั่งคุณครูที่โรงเรียนล้อเลียนว่าเป็นเด็กขายพวงมาลัย และได้กินข้าวเพียงวันละ 1 มื้อเท่านั้น อีกทั้งเงินที่ขายดอกไม้ได้ต้องนำไปให้ครอบครัวทุกบาท เพราะหากแอบซ่อนไว้แล้วทางครอบครัวจับได้จะถูกทำร้ายร่างกาย ซึ่งน้องเล่าอีกว่า น้องเคยถูกรถชนและเพิ่งรักษาหาย ด้านครอบครัวน้องพ่อกับแม่แยกทางกัน แม่จะดื่มสุราเป็นประจำ และหากเมาก็จะทำร้ายร่างกายน้องด้วยไม้แขวนเสื้อ บ้างก็เตะขาเป็นประจำ จนร่างกายน้องมีบาดแผล และรอยแผลเป็นทั้งขา
นายกัณฐัศว์ จึงอยากฝากไปถึงประชาชนที่อุดหนุนดอกไม้ พวงมาลัย จากเด็กตามสี่แยกไฟแดงว่า "แค่ดอกไม้ช่อเดียว มันทำให้อนาคตของเด็กเสียไปเลยนะ" และหากต้องการช่วยเหลือเด็กจริงๆ สามารถร้องผ่านเบอร์โทรศัพท์ 1300 ศูนย์ช่วยเหลือสังคม หรือแจ้งผ่านเพจ "กัน จอมพลัง" โดยตรงได้ โดนตนพร้อมประสานงานให้
เบื้องต้น นายกัณฐัศว์ได้ขอความร่วมมือไปยังครอบครัวเด็ก ให้เด็กไปโรงเรียนทุกวัน และมีการขอไลน์เพื่อให้ครอบครัวส่งภาพมายืนยันว่าเด็กได้ไปโรงเรียนจริง ส่วนทางคุณยายก็มีหน่วยงายที่เกี่ยวข้องเข้ามาทำเอกสารบัตรคนชรา และดูแลเบื้องต้นเรียบร้อย