แพรรี่ เปรียบพระทำผิดกลับมาบวชใหม่ เป็นตาลยอดด้วน ชี้คนทำผิดรู้อยู่แก่ใจ เผยต้นตอปัญหามาจากคณะสงฆ์ไม่ฟันให้เด็ดขาดว่าพระที่ถูกจับโป๊ะซุกสีกาคากุฏิผิดอะไรกันแน่
ทีมข่าวออนไลน์ช่อง 8 ได้สัมภาษณ์พิเศษกับอดีตพระนักเทศน์ชื่อดัง แพรรี่-ไพรวัลย์ วรรณบุตร เกี่ยวกับประเด็นว่าพระระดับเจ้าอาวาสเจอจับโป๊ะคากุฏิกลับมาบวชใหม่ได้หรือไม่ คุณแพร์รี่ตอบว่า จริงๆ มันปัญหาตรงที่ตอนที่มีประเด็น คณะสงฆ์ไม่ได้วินิจฉัยให้เด็ดขาดว่าตกลงคดีของพระรูปนี้คืออะไร แค่ซุกสีกา หรือมีสัมพันธ์เชิงชู้สาวด้วย ทางคณะสงฆ์ไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่มีบทสรุปใดๆ ทำให้มีช่องว่างบางอย่างที่ใช้เป็นข้ออ้างได้ เช่นพระรูปนี้บอกว่า พระด้วยกันไม่ได้ว่าอะไร มีประเด็นกับสีกาจริง แต่ไม่ได้มีอะไรกัน ก็เลยใช้ข้ออ้างนี้กลับมาบวชอีก
แต่ในทางวินัย ไม่ว่าจะมีคำตัดสินหรือไม่ หากพระรูปนั้นรู้ดีว่ามีสัมพันธ์เชิงชู้สาวกันเรียบร้อยแล้ว กลับมาบวชไม่ได้ เรียกว่าบวชไม่ขึ้น โดยยกตัวอย่างคำที่พระพุทธเจ้าใช้เรียกพระที่ต้องอาบัติปาราชิกว่าเป็น “ตาลยอดด้วน” ไม่สามารถกลับมาบวชได้อีก
ส่วนคำว่าปาราชิก หมายถึงผู้พ่ายแพ้ คือละเมิดอาบัติ 4 ข้อหนัก หมดโอกาสที่จะงอกงามเป็นพระได้ ซึ่งผู้สื่อข่าวถามว่า สึกมาเองกับปาราชิกแตกต่างกันหรือไม่ แพรรี่ตอบว่า ปาราชิกไม่จำเป็นต้องสึก คือหมดจากความเป็นพระไปเลย ต่อให้ใส่ผ้าเหลืองก็ไม่ใช่พระ แต่ถ้าเป็นโทษอันอื่นที่ไม่รุนแรงถึงปาราชิก เช่น ดื่มสุรา แล้วชาวบ้านติเตียน อันนี้สึกออกมา ก็ทำพิธีสึกไป
จากกรณีของพระที่ทำผิดถึงขั้นปาราชิกนั้น คุณแพรรี่มองว่าต้องมีฐานข้อมูล ถ้าสึกแล้วไม่มีโทษอะไรก็กลับมาบวชใหม่ได้ แต่กรณีมีเรื่องโจษจัน เช่น เสพเมถุน ก็ต้องมีกระบวนการที่ระบุให้ชัดๆ พระรูปนี้เคยทำผิดอะไร มีในฐานระบบ ก็เลยทำให้กลับมาบวชใหม่ได้ ส่วนพระอุปัชฌาชย์ก็ต้องมีข้อมูลของคนที่จะบวช แต่อาจะเพราะสงสาร หรือมีคนรู้จัก ก็เลยบวชให้ ส่วนจะกลับไปอยู่วัดเดิมที่เคยโดนจับโป๊ะได้ไหม ตรงนี้แพร์รี่ถามชาวบ้านว่า ชาวบ้านรับได้ไหมถ้าพระระดับผู้ใหญ่เคยทำผิดจะกลับไปอยู่วัดเดิมในจังหวัดสมุทรปราการ ศรัทธาได้เหรอ ยกมือกราบไหว้ได้จริงหรือ?