โอละพ่อ! กรณีพ่อขับรถแท็กซี่หมดสติในรถต่อหน้าลูกสาว 2 คน ถูกหามส่งโรงพยาบาล นึกว่าคิดสั้น ที่แท้เจ้าตัวเปิดเผย แค่นอนหลับ กินน้ำโกโก้ของลูกแล้วสำลัก ส่วนขวดน้ำยาล้างห้องน้ำ เอามาใส่น้ำยาเช็ดรถเท่านั้น

จากกรณีเมื่อวานนี้ (11 ม.ค. 2566) เจ้าหน้าที่อาสากู้ชีพมูลนิธิร่วมกตัญญูได้รับแจ้งเหตุมีผู้หมดสติภายในรถแท็กซี่สีชมพู-เขียว จอดอยู่บริเวณริมรั้วสวนลุมพินี จึงได้เข้าไปช่วยเหลือ ที่เกิดเหตุพบรถแท็กซี่คันดังกล่าวจอดอยู่ โดยคนขับรถแท็กซี่ อายุ 43 ปี สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีกากี นุ่งกางเกงสีเทา นอนอยู่ที่เบาะฝั่งคนขับ และมีเด็กหญิง 2 คน อายุประมาณ 5-10 ขวบ นั่งร้องไห้อยู่ จึงนำตัวส่งโรงพยาบาลตากสิน

โดยขณะนั้น ผู้หมดสติน้ำลายฟูมปากอยู่ในรถแท็กซี่ จึงเร่งเข้าให้การช่วยเหลือ พบขวดน้ำยาล้างห้องน้ำตกอยู่ในรถ 1 ขวด โดยลูกสาวทั้ง 2 คนอยู่ในอาการตื่นตกใจและร้องไห้ตลอดเวลา เมื่อสอบถามได้ความว่า บ้านอยู่ย่านพระราม 2 และไม่ทราบว่าจะเดินทางไปไหน ก่อนที่จะมาหยุดอยู่บริเวณดังกล่าว พ่อก็กินน้ำยาล้างห้องน้ำเข้าไปจนหมดขวดก่อนจะหมดสติไป และไม่สามารถติดต่อแม่ที่บ้านได้ เนื่องจากโทรศัพท์แบตเตอรี่หมด

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คนขับแท็กซี่ดังกล่าว ยืนยันว่า ตนไม่ได้กินน้ำยาล้างห้องน้ำ และไม่ได้มีเจตนาที่จะฆ่าตัวตายแต่อย่างใด เมื่อวานหลังถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล พอตื่นมาก็ไม่ได้พบว่ามีอาการอะไรผิดปกติจึงเดินทางกลับบ้าน แล้วมาเห็นข่าวเช้าวันนี้ จึงรู้สึกงงมาก นอกจากนี้ยังถูกสังคมต่อว่า ว่าพาลูกไปฆ่าตัวตายต่อหน้าอีก

พร้อมเล่าเหตุการณ์ว่า เมื่อวานนี้ พอขับรถมาถึงจุดเกิดเหตุ ตนเพียงแค่นอนหลับไปเท่านั้น แต่ก่อนจะหลับ ได้กินน้ำโกโก้ที่ลูกซื้อมาวางไว้ในรถ แล้วมีอาการสำลักน้ำ ส่วนน้ำยาล้างห้องน้ำที่พบในรถ เป็นแค่ขวดที่ใช้มาใส่น้ำยาเช็ดรถเท่านั้น พร้อมถามกลับว่า ถ้าตนกินน้ำยาล้างห้องน้ำเข้าไปจริงๆ จะได้กลับบ้านมานั่งพูดคุยกับผู้สื่อข่าวแบบนี้ได้เหรอ