ร้านหม้อไฟดังเยาวราชพ้อ #whapshappenginthailand เกิดอะไรขึ้น "เยาวราช" ทำไมคนจีนเกือบ 100% ยึดพื้นที่ค้าขาย ทั้งที่เป็นพื้นที่ประเทศไทย หรือกฎหมายที่มีอยู่ เอื้อต่างชาติมากเกินไป?
วันที่ 12 ม.ค.66 กลายเป็นที่ถกเถียงกันสนั่นโซเชียล หลังจากมีเพจร้านหม้อไฟชื่อดังจากเยาวราช ออกมาโพสต์ข้อความชวนน่าคิดของความจริงจากภาคธุรกิจเอกชนในประเทศไทยบนถนนชื่อดังของไทยอย่าง "เยาวราช" ที่ผู้ค้าได้เปลี่ยนจากชาวไทยเชื้อสายจีน ไปเป็นชาวจีนแท้ ๆ จำนวนมากนั้น โดยเขียนข้อความระบุว่า "#whapshappenginthailand ก่อนอื่นเลยขอบคุณมาก ๆ ค่ะ และขอพูดในฐานะพลเมืองไทย แน่นอนว่ารู้สึกไม่ยุติธรรมกับกฎหมายประเทศ ที่เอื้อต่างชาติมาก ๆ ในฐานะคนที่เคยคลุกคลีกับประเทศจีน ไทยกับจีนเหมือนประเทศพี่น้อง ถือวีซ่าท่องเที่ยว (L) ก็เปิดร้านได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านนวด ร้านขายอุปกรณ์ ลองมาเดิน เยาวราช-สำเพ็ง ตอนนี้จากเดิมเคยเป็นร้านคนไทย (เชื้อสายจีน) ตอนนี้กลายเป็นร้านคนจีนแท้ ๆ (ส่วนใหญ่วีซ่า L) ถึงจะวีซ่า L ก็เปิดบัญชีธนาคารได้ง่าย ๆด้วย
ธุรกิจร้านอาหารในจีน ไม่ต้องมีสูตรอะไรมากมายเพราะทุกอย่างมี suppliers ส่งให้เรียบร้อย มีเงินเฉย ๆ ก็เปิดร้านได้แล้ว
Shipping ไทย-จีน คือขนส่งง่ายมากด้วย อุปกรณ์ตกแต่งจากจีนก็มีแบบสำเร็จ ไม่ต้องการ ฝีมือช่างไทยทำ การลงทุนมาเปิดร้านต่าง ๆ ในไทยเลยง่ายมาก ๆ แต่หาก หาถึงปลายทางเงินได้จากธุรกิจ แน่นอนว่าหลงเหลือ (หมุนเวียน) ในประเทศน้อย การจดบริษัทในไทยของคนจีนก็ง่าย Visa L ก็จดได้เพียงแค่ต้องมีคนไทยถือหุ้นเยอะกว่าคนจีน ไม่หนำซ้ำ SME ไทยจะเจริญได้อย่างไร เพราะความเป็นพลเมืองต้องเสียภาษีเงินได้ภาษีธุรกิจให้ประเทศ แต่นักลงทุนต่างชาติแค่หา nominee ในการทำสัญญาเช่า ก็จบ ปลายทางเงินได้ส่วนใหญ่อยู่ประเทศของเขา
โพสต์นี้ต้องขอโทษลูกเพจในความไม่เหมาะสม ที่เป็นโพสต์แนว emotional แต่เจ้าของร้านไม่ใช่ xxx ที่มีคนตามเยอะมีแค่ช่องทางนี้ที่เป็นกระบอกเสียง ตอนทำร้านนี้แรกๆเคยฝันใหญ่ไว้ว่า ทำไมต่างชาติมาเปิดร้านอาหารในไทยเยอะจัง ทำไมไม่ค่อยมีของไทยไปเปิดต่างชาติบ้างเลยคิดว่า ถ้าค่อยๆเปิดร้านหม่าล่าชาบูแล้วเพิ่มซุปไทยไปทีละนิดๆ (แจ่วฮ้อนเอย,ต้มยำเอย) ถ้าเอาไปขายต่างประเทศและเอาเงินเข้าประเทศได้บ้างคงจะดี (เพราะก่อนทำร้านเราทำงานประจำเป็น ตำแหน่ง exporter เราเองก็เคยส่งสินค้าอาหารไทยไปขายต่างประเทศ) มีร้านอื่นๆมากมายที่อร่อย เดินทางสะดวกค่ะ ที่พูดมาไม่ใช่ว่าร้านxxxxดีที่สุดนะคะ มีอะไรอีกเยอะที่รู้ว่าควรปรับปรุง แต่สิ่งที่ควรปรับปรุงหลายๆอย่างต้องใช้เงินทุน เก็บรวบรวมคำติชมต่างๆเพื่อพัฒนาต่อไปค่ะ แต่เรามองลูกค้าทุกท่านเป็นเหมือนคนในครอบครัว ที่กลับมาทานข้าวที่บ้าน ส่วนใหญ่เราจะจำลูกค้าได้"
โดยหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่ออกความคิดเห็นแตกออกเป็นสองเสียง ทั้งเห็นด้วยกับความคิดเจ้าของร้านนี้ ที่กฎหมายประเทศไทยเอื้อชาวต่างชาติมากเกินไป นอกจากนี้ชาวเน็ตอีกกลุ่มมองว่า นี้เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในการพยายามดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ที่ภาครัฐกำลังทำให้มีความก้าวหน้า
ทั้งนี้ ด้านเจ้าของโพสต์ก็ออกมาเขียนข้อความเพิ่มเติมว่า "โพสต์นี้ในมุมของ SME ขนาดเล็กที่เพิ่งเริ่มต้นค่ะ การออกมาโพสต์แบบนี้คิดไว้แล้วว่าเหรียญคงมี 2 ด้าน และต้องขอโทษฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย และน้อมรับคำติชมโพสต์ในมุมมอง SME ขนาดเล็กรวมถึงการเหลื่อมล้ำล้ำในการเสียภาษี และเงินหมุนเวียนของธุรกิจ (ประเทศ) ถ้ามองอีกมุม เป็นเรื่องยากมาก ๆ ที่คนไทย visa ท่องเที่ยวจะไปเปิดร้านหรือทำธุรกิจนอกประเทศแต่ประเทศเรามีช่องโหว่จริง ๆ ในเรื่องนี้"
อย่างไรก็ตาม มีผู้ใช้ทวิตเตอร์ได้โพสต์ถึงกลุ่มประชากรที่อาศัยอยู่ในเยาวราชขณะนี้ว่า "ตอนนี้เยาวราชจะมี 4 กลุ่มใหญ่ค่ะ
1. คนท้องถิ่นเดิม เหลือน้อยมากๆๆๆๆ แต่ก็มี เป็นลูกหลานโพ้นทะเลยุคก่อน
2. คนจีนแต้จิ๋วรุ่นใหม่พกพาสจีน พวกนี้ขายของในตลาดเก่าเยอะ เนียน ๆ
3. คนงานปท.เพื่อนบ้าน อันนี้มักอยู่ร้านข้อ 2
4. คนไทยรุ่นใหม่ ๆ ไปทำร้านและคาเฟ่ค่ะ"