"ความบังเอิญซวย" นอท กองสลากพลัส ยอมรับตัวเองโง่ หากดีเอสไอชี้ผิดฟอกเงิน อาจโดนด้วย ปมเงิน 53 ล้านโอนจากแก๊งฟอกเงิน ชี้เคยคุยกับนายอ. แค่ครั้งเดียว ตอนมาดูระบบกองสลากพลัส แต่จบกันไปแล้ว
นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท กองสลากพลัส ชี้แจงว่าได้หมายเรียกพยานจากดีเอสไอให้ชี้แจงเงินโอนเข้าบัญชีส่วนตัว 2 ยอด ยอดแรกจำนวน 42,381,030 บาท และยอดที่สองจำนวน11,207,680 บาท ซึ่งมีการโอนเข้าในวันที่ 10 สิงหาคม 2564 ตอนนี้ได้มีการชี้แจงทั้งสองยอดเรียบร้อยแล้ว
ส่วนประเด็นชี้แจงกับดีเอสไอนั้น นายนอทระบุว่าเงินก้อนนี้เป็นความบังเอิญซวย เพราะเงิน 50 กว่าล้านที่ว่านี้เป็นเงินของกองสลาก ที่ได้มอบอำนาจให้นายอ. ซึ่งเป็นหนึ่งในคนที่มาร่วมลงทุนเป็นคนไปขึ้นเงินรางวัล โดยมีเลขาฯ นายนอทพานายอ.นำสลากไปขึ้นเงิน ก็ได้เช็คจากสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นชื่อนายอ. แล้วนายอ.โอนเงินให้นายนอท กองสลากพลัส เงินเข้าออกเท่ากันเปี๊ยบ เท่ากับว่านายอ.เป็นคนหยิบเงินจากกองสลากฯ แล้วโอนมาให้ตนเท่านั้น ส่วนนายอ.ก็ไปพัวพันกับคดี ส่วนตัวเจอนายอ.ครั้งหนึ่งตอนเดือนสิงหาคม 2564 มีนายหน้าพาไปหาทีมของนายอ.เพื่อหานายทุนมาร่วมทุน ซึ่งนายอ.สนใจแพลตฟอร์มให้คนมาดูทุกขั้นตอนจนถึงขั้นตอนขึ้นเงิน ทางกองสลากพลัสจึงพาไปขึ้นทะเบียนกับกองสลากเป็นผู้รับซื้อเงินรางวัลเสร็จแล้วก็ทำการขึ้นเงินสลากฯ จำนวน 10,000 ใบตามปกติ พอนายอ.ได้เช็คมาก็เอาเช็คเข้าเป็นชื่อของนายนอทเลย แต่เพราะเป็นเช็คต่างธนาคารเลยต้องมาขึ้นเงินในโอกาสหลัง พร้อมโชว์หนังสือมอบอำนาจ ซึ่งนายนอทยืนยันมีหนังสือมอบอำนาจระบุวันที่ชัดเจน ส่วนอีกประเด็นที่ชี้แจงชัดๆ คือมีหลักฐานที่เช็คจากสำนักงานสลากฯ กับเช็คที่เข้าบัญชีเจ้าของกองสลากพลัสเป็นยอดเดียวกัน พร้อมทั้งโชว์เช็คทั้งสองใบให้สื่อได้ดู
หลังจากขึ้นเงิน ได้เงินแล้วนายอ. กับนายนอทก็ได้คุยกัน แล้วพบว่าความต้องการคนละอย่าง ฝั่งนายนอท กองสลากพลัสอยากได้เงินกู้ ส่วนฝั่งนายอ.อยากลงทุนเป็นหุ้นส่วน ต่างคนต่างแยกย้าย จนมาทราบข่าวว่าที่มีการจับกุมนายอ. เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2565 ทำให้ตกใจและนอนไม่หลับ นำมาสู่การที่ดีเอสไอเรียกสอบในฐานะพยาน และมีการตรวจสอบเพิ่มอีกหลายอย่าง ซึ่งดีเอสไอคงต้องไปรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งนายนอทชี้แจงว่า ตัวเองผิดหรือไม่ผิดยังไม่รู้ ถ้าหากตนเกี่ยวพันกับการฟอกเงินจริง ก็คงไม่รอด ตอนนี้เจ้าตัวได้ส่งเอกสารหลักฐานทั้งหมดให้ดีเอสไอไปแล้ว แต่ไม่ขอเปิดเผยชื่อจริงของนายอ.
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ได้มีการตรวจสอบประวัติผู้ที่เข้ามาร่วมผู้ลงทุน เจ้าตัวระบุว่าเป็นคนธรรมดาไม่สามารถตรวจสอบใครได้อยู่แล้ว ก็ได้แค่รู้จัก รู้ว่าเขามีเงิน โชคดีที่จบกันไปแล้ว ยอมรับว่าตัวเองโง่ ปกติจะเอาเงินใครก็คุยกับเขาแค่ครั้งเดียวแล้วก็เป็นไปตามขั้นตอน ยืนยันไม่ได้เงินจากนายอ.สักบาทเดียว นายอ.แค่มาทดลองดูระบบบริษัทเพื่อทำธุรกิจ แต่สุดท้ายไปด้วยกันไม่ได้เท่านั้น
ขณะที่ดีเอสไอได้ขอสอบเพิ่ม 39 รายการที่โอนเงินเข้าบัญชี โดยให้ชี้แจงว่ารับโอนจากใครและโอนไปให้ใคร ซึ่งนายนอทยืนยันว่าเป็นการโอนเชิงธุรกิจเท่านั้น ซึ่งดีเอสไอให้เวลา 2 สัปดาห์ แต่เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะสามารถชี้แจงเงินที่มาได้ พร้อมย้ำว่า ขณะนี้เป็นเพียงพยานในคดี ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ ทั้งสิ้น