ลูกชายป่วยจิต คาดอาการกำเริบ ทำร้ายแม่จนเสียชีวิตบนที่นอน พบถังแก๊สแบบปิกนิกเปื้อนเลือด
วันที่ 15 ม.ค. 2566 เมื่อช่วง 15.00 น. ตำรวจสน.ลาดกระบัง รับแจ้งเหตุหญิงถูกทำร้ายเสียชีวิตภายในห้องพัก ในอพาร์ตเมนต์ ซอยลาดกระบัง 26 จึงนำกำลังพร้อมประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญูเข้าตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบเป็นอาคารสูง 4 ชั้น ซึ่งจุดเกิดเหตุอยู่มี่บริเวณชั้น 3 เปิดเข้าไปพบนางชัย อายุ 61 ปี พนักงานทำความสะอาดบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ทำหน้าที่แม่บ้านภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นอนเสียชีวิตอยู่บนที่นอน สภาพศพมีบาดแผลที่บริเวณศรีษะ ลักษณะถูกทุบจนหัวแตก เลือดกระเซ็นเปรอะพื้นและผนังเต็มไปหมด ใกล้กันพบถังแก๊สปิคนิคมีเลือดเปื้อนอยู่
ส่วนผู้ก่อเหตุคือนายน้อย อายุ 37 ปี ลูกชายคนโตของคนตาย ซึ่งหลังเกิดเหตุก็นั่งหลบอยู่ในห้อง ไม่พูดไม่จา และไม่ยอมให้การใดๆ กับตำรวจ เพียงแต่นั่งส่ายหัวไปมาและหลับตานิ่งเงียบเท่านั้น ต่อมาตำรวจจึงคุมตัวไปสอบสวนดำเนินคดีที่ สน.ลาดกระบัง
สอบถามเพื่อนร่วมอพาร์ตเมนต์ บอกว่า เมื่อคืนวันที่ 13 ธันวาคม ที่ผ่านมา ขณะกำลังพักผ่อนอยู่ในห้องได้ยินเสียงตึงตังๆ ลักษณะคล้ายกับมีคนทำร้ายร่างกายกัน แต่ไม่ได้ยินว่ามีการด่าทอกัน จึงไม่ได้เอะใจอะไร เพราะไม่คาดคิดว่าจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้น แต่หลังจากวันนั้นก็ยอมรับว่า ไม่ได้ยินเสียงอะไรดังมาจากห้องเกิดเหตุอีกเลย
ด้านนายชาญชัย ลูกชายคนเล็กของคนตายและเป็นน้องชายของผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นคนที่มาพบศพคนแรก เล่าว่า แม่กับพี่ชายอาศัยอยู่ในห้องเช่าด้วยกันสองคน ก่อนเกิดเหตุตัวเอง เมียและลูก ได้เดินทางมาจากต่างจังหวัด โดยพักอยู่ห้องเช่าอีกแห่งหนึ่ง แล้วปกติแม่(คนตาย) ก็จะลงมาเล่นกับหลานเป็นประจำ เเต่ 2 - 3 วันมานี้ไม่เห็นแม่ลงมา จึงผิดสังเกต และชวนหลานชายไปที่ห้องพักของแม่ ไปถึงก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน จึงล้วงมือผ่านช่องหน้าต่างหน้าบานเกร็ดเข้าไปเปิดประตู ซึ่งก็พบพี่ชาย (ผู้ก่อเหตุ) นอนคลุมโปงอยู่ในห้อง จึงพยายามสอบถามแต่พี่ชายไม่พูดจาอะไร
ส่วนบนที่นอนพบแม่นอนจมกองเลือด จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ ส่วนตัวคาดว่าพี่ชายได้ใช้ถังแก๊สปิกนิกฟาดหัวแม่จนตาย
ด้านหลานสาวของคนตาย ได้เดินทางมาดูศพ เปิดเผยด้วยเสียงสั่นเครือว่า นายน้อยผู้ก่อเหตุมีอาการไม่ปกติ มีสภาพเหมือนคนวิกลจริต ซึ่งเมื่อ 2 ปีก่อนเคยพานายน้อยไปรักษาที่โรงพยาบาลศรีธัญญา พออาการดีขึ้นออกจากโรงพยาบาล นายน้อยก็ได้มาอยู่กับนางชัย และต่อมาทราบว่าไม่ค่อยกินยา จนเริ่มกลับมามีอาการตาขวาง โดยตัวเองก็ได้เคยเตือนคนตายแล้วว่า ให้ระวังตัวเพราะอยู่ด้วยกัน 2 คน ซึ่งก็ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุขึ้นมาจริงๆ
ภายหลังจากการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ได้นำศพส่งสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อชันสูตรพลิกศพตามขั้นตอนกฎหมาย ส่วนตัวนายน้อยนำตัวไปสอบสวน โดยมีเจ้าหน้าที่พฐ. และแพทย์ร่วมตรวจสอบ เพื่อประเมินอาการป่วย ก่อนพิจารณาสถานที่ในการควบคุมตัวผู้ต้องหารายนี้ต่อไป