"นายกฯ" ขอครูสอนเด็กเรียนรู้ประวัติศาสตร์ แต่ต้องไม่ขัดแย้ง ขัดเกลาเด็กให้อยู่ในทำนองครองธรรม บอกอาจจะพูดไปเยอะ เนื่องจากประเทศของเรากำลังมีปัญหา และจะเลือกตั้ง ขอให้ทุกคนไตร่ตรองให้ดี ทำอย่างไรให้ประเทศชาติอยู่ได้ ย้ำพูดในฐานะนายกฯ

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีงานวันครู ครั้งที่ 67 พ.ศ. 2566 ณ หอประชุมคุรุสภา สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา เขตดุสิต กรุงเทพฯ โดยปีนี้จัดภายใต้แนวคิด “พลังครู คือ หัวใจของการพลิกโฉมคุณภาพการศึกษา” ในรูปแบบผสมผสาน ทั้ง Onsite และ Online เพื่อประกอบพิธีระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ ส่งเสริมสามัคคีธรรมระหว่างครู และความเข้าใจอันดีระหว่างครูกับประชาชน และส่งเสริมยกย่องเชิดชูเกียรติผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาที่ประกอบคุณงามความดีหรือทำคุณประโยชน์ต่อวงการศึกษา ให้เป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชน และเป็นแบบอย่าง  ให้เยาวชนรุ่นหลังได้ยึดถือปฏิบัติตาม โดยนายกรัฐมนตรี ได้มอบคำขวัญวันครู ครั้งที่ 67 ว่า “ครูดี ศิษย์ดี  มีอนาคต”

 

โดยนายกรัฐมนตรีได้ทำพิธีคารวะครูอาวุโส คือพลเอกเกษม นภาสวัสดิ์ ซึ่งเป็นครูที่เคยสอนวิชาคณิตศาสตร์ ชั้นปีที่ 1 ในสมัยที่นายกรัฐมนตรีศึกษาอยู่ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า

 

โดยนายกรัฐมนตรี​ ระบุว่า  วันนี้เป็นการจัดการเป็นปีที่ 67 แสดงความกตัญญูกตเวทิตาต่อผู้มีพระคุณผู้ที่คอยส่งเสริมสร้างปัญญาให้แก่ศิษย์​ ด้วยความอุตสาหะ​ และเสียสละเพื่อให้เกิดความก้าวหน้าของลูกศิษย์ ในด้านสติปัญญาและสภาพจิตใจให้มีจริยธรรมในการประกอบอาชีพ​ นับเป็นหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของครูทุกคนในการสร้างสรรค์ปั้นแต่งให้เด็กเป็นพลเมืองที่ดี​ เป็นคนที่มีคุณภาพของสังคม

 

นายกรัฐมนตรียังกล่าวอีกว่า ตนได้กล่าวไปแล้วในวันเด็กคำขวัญของครูและเด็กได้มีความสัมพันธ์กันผูกพันกัน วันนี้เขียนไว้ว่าครูดี ศิษย์ดี มีอนาคต เป็นคำที่ทุกคนต้องเข้าใจว่านั่นคือสิ่งสำคัญที่สุดในการศึกษา ต้องทำให้ทุกคนมีอนาคต ซึ่งเป็นอนาคตของประเทศชาติ

 

นายกรัฐมนตรียังกล่าวอีกว่าเด็กเหมือนผ้าขาว ที่พร้อมจะถักทอใส่ลวดลายใส่สีให้สวยงาม ดังนั้นจะต้องเริ่มจากสีที่บริสุทธิ์ก่อน​ และอยากให้มองย้อนไปว่าจะทำอย่างไรให้เด็ก ให้ความสนใจเรื่องการศึกษาการเปลี่ยนแปลงของโลก

 

โลกใบนี้ไม่ใช่โลกใบเดิม เพราะได้เพิ่มเติมด้วยเทคโนโลยีการเจริญเติบโตทางด้านดิจิทัลต่างๆมากมาย​ หลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปแล้วถ้าเราไม่เปลี่ยนแปลง ไม่เตรียมตัว เพื่อจะรับมือกับสิ่งเหล่านี้ก็จะเกิด discruption ขึ้นมามากมายเกิดผลกระทบกับครอบครัวประเทศชาติ

 

นายกรัฐมนตรียังกล่าวอีกว่า ครูจะต้องเป็นผู้ที่นำการเรียนรู้กระตุ้นสร้างแรงบันดาลใจ สร้างทัศนคติที่ดีให้กับผู้เรียน เติมเต็มความรู้พัฒนาผู้เรียนให้เจริญเติบโตงอกงามในทิศทางที่ดีถูกต้อง​ ไม่วุ่นวายทำให้เกิดปัญหาต่อสังคมโดยรวม ทำให้ผู้เรียนนั้นรู้จักคิดเป็นแก้ไขปัญหาได้นี่คือสิ่งสำคัญที่สุด​ ถ้าครูดี  ศิษย์​ดี ก็มีอนาคตคำว่าอนาคต​ ไม่ใช่เฉพาะอนาคตของตัวเอง​ ของครอบครัวเขา​ ประเทศชาติก็มีอนาคตไปด้วย  เราจำเป็นจะต้องขับเคลื่อนสิ่งเหล่านี้ไปให้ได้เพราะเป็นพื้นฐานของสังคม ครูจะเป็นจุดเริ่มต้น​จุดประกายของเด็กทุกคนให้เจริญเติบโตในสิ่งที่ถูกต้องตามคำนึงทำนองครองธรรม​ เติบโตเป็นพลเมืองที่ดี​ คำว่าพลเมืองที่ดีไม่ยาก​  แต่ต้องไปหาดูว่าจะต้องทำอย่างไรให้ทุกคนเป็นพลเมืองที่ดี เพราะฉะนั้นทุกอย่างที่ต้องการร่างกายความประพฤติทุกอย่างประกอบกันไปหมด ต้องรู้ว่าทำดีหรือไม่ดีบริสุทธิ์ใจหรือไม่ แต่คนอื่นเขารู้หรือไม่รู้ก็ไม่รู้ไม่ทราบแต่เรารู้ตัวเราเอง ดังนั้นอย่าทำอะไรที่ไม่ดีก็แล้วกัน

 

ตนพยายามประคับประคองทุกอย่างให้เดินหน้าไปได้ บนพื้นฐานความไว้ใจได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีผมไม่อาจจะกล่าวว่าใครทำดีไม่ดีมีหน้าที่คือทำให้ดีมากขึ้นเรื่อยๆนี่คือหน้าที่ของผม เพราะฉะนั้นเราต้องสร้างคนของเราให้มีสมรรถนะให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมในอนาคต

 

ช่วงหนึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันนี้เราจะต้องพัฒนาตัวเองเรียนรู้รับฟังผู้รู้ใช้วิจารณญาณในการใคร่ครวญเพื่อที่จะเดินหน้าประเทศไปอย่างไรต้องมีการพัฒนาตัวเองไปตามลำดับ พร้อมขอขอบคุณครูผู้อาวุโสทั้งหมด​ สอนมาจนตนมายืนอยู่ได้ทุกวันนี้​ เพราะมีครูที่ดี มีสังคมที่ดี สอนให้เป็นคนดี​ สุจริต

นอกจากนี้ยังยืนยันว่าทุกอย่างจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายทั้งสิ้นไม่มีละเว้นใครตราบใดที่มีคดีเกิดขึ้นมา ขอให้ไปย้อนดูว่าเป็นอย่างไรที่ผ่านมาแล้ววันนี้เกิดอะไรขึ้น เกิดขึ้นมาข้อสอบสวนดำเนินการขึ้นมาที่ผ่านมาทำไมถึงไม่มีคดีก็ไม่ทราบเหมือนกัน

 

นายกรัฐมนตรี​ ยังกล่าวอีกว่า​ เราต้องรู้ความเป็นมาของประเทศของเรา​ หากไม่รู้ความเป็นมา​ แล้วจะไม่รักประเทศของเรา​ หลายคนลืมไปแล้วว่าเราคือคนไทยเกิดที่นี่ ประกอบอาชีพที่นี่​ กินนอนที่นี่ และอาจจะต้องตายที่นี่นี่คือแผ่นดินของเราสิ่งที่เราต้องถ่ายทอดได้ทุกคนสำนึกตรงนี้ เราต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน​ มันอาจเป็นคำกล่าวที่อาจจะฟังแล้วเข้าใจยาก​ แต่ไม่ยากเลย​ แค่ทำความดี ทำเพื่อคนอื่นบ้างไม่เอารัดเอาเปรียบใครไม่ทำให้ใครเดือดร้อน นี่ก็ทำให้ประเทศไทยสงบสุขไปเยอะแล้ว ครูและบุคลากรที่เกี่ยวข้องจะต้องออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ให้นักเรียนเข้าใจตรงนี้​ หากมีข้อขัดแย้งกันบ้างก็ต้องหาทางออกให้ได้​ ว่าจะทำอย่างไรไม่อย่างนั้นก็จะอยู่เหมือนเดิม ประวัติศาสตร์เรียนรู้ไม่ใช่เพื่อขัดแย้งใคร​ จากวันนั้นถึงวันนี้ที่ผ่านมาอะไรไม่ดีก็อย่าทำ แล้ววันหน้าเราก็เดินหน้าไปสู่สิ่งที่ดีกลายเป็นประวัติศาสตร์ของวันนี้ของอนาคตในวันข้างหน้า ที่ไม่ใช่สอนเพียงการท่องจำ

 

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี​ ยังกล่าวอีกว่า​ ครูต้องสอนให้นักเรียนมีภูมิคุ้มกันเสพสื่อโซเชียล​ ขณะเดียวกันทหารเกณฑ์จะต้องมีการให้ความรู้ใช้เวลา 2 ปีจะต้องมีความรู้เพิ่มขึ้น 2 ขั้น​ มีการสอบเทียบ​ วันนี้หลายคนจำเป็นต้องออกจากการเรียนหนังสือเพราะความจำเป็นทางด้านครอบครัว เพราะฉะนั้นคนเหล่านี้จะนำกลับเข้ามาได้อย่างไร

 

นายกรัฐมนตรี​ ยืนยันว่าพยายามจะดูแลครูปัญหาของครูก็แก้ไขไปมากพอสมควร ผมก็เห็นแล้วได้ให้นโยบายไปแล้วในการแก้ไขปัญหาส่วนตัวรัฐมนตรีเองก็ขับเคลื่อนไปแล้ว เพราะฉะนั้นทุกอย่างก็ต้องค่อยๆแก้ไขกันไป ครูก็จำเป็นต้องได้รับการพัฒนาให้มีคุณภาพในทุกมิติ รวมไปถึงรักษามาตรฐานจรรยาบรรณของวิชาชีพ

 

ในช่วงท้ายนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันนี้ยังมีปัญหา หากขัดแย้งกันก็ไปต่อไม่ได้ จะทำอย่างไรให้เข้มแข็ง​ ไม่มีใครทำได้คนเดียว รัฐบาลแก้ไขปัญหาคงไม่พอต้องทำให้ทุกคนเข้มแข็ง ตนอาจจะพูดไปเยอะไป​ เนื่องจากประเทศของมีปัญหา​ และจะมีการเลือกตั้ง ขอให้ทุกคนมีไตรตรองให้ดีก็แล้วกัน สิ่งสำคัญที่สุดคือจะทำอย่างไรให้ประเทศชาติอยู่ได้บ้านเมืองมีเสถียรภาพการเงินการคลังอยู่ได้ เราผ่านวันเวลาที่ยากลำบากมาของโควิดมาได้แล้ว อย่าลืมว่าเราฟันฝ่าสิ่งเหล่านี้มาได้ด้วยหยาดเหงื่อแรงกายและชีวิตที่ต้องสูญเสียไป จะต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน วันข้างหน้าจะต้องจับมือเดินกันไปแบบนี้ให้ได้ การช่วยเหลือต่างๆให้มากๆเป็นไปไม่ได้ ให้ย้อนกลับไปดูว่าใช้จ่ายงบประมาณอะไรไปแล้วบ้าง ตนพูดในนามนายกรัฐมนตรี เป็นห่วงในเรื่องเหล่านี้ทุกอย่างเดินหน้าไปได้เพราะทุกคน  สิ่งสำคัญคือทุกคนต้องเรียนรู้การบริหารราชการแผ่นดิน การบริหารการเงินการคลังของประเทศด้วยจะได้เข้าใจเสียที

 

ก่อนเดินทางกลับ นายกรัฐมนตรีได้อุ้มน้องปรีม เด็กหญิงสรินทร์ธยา จินดามุกข์ อายุ3 ขวบ​ ซึ่งเป็นลูกของเจ้าหน้าที่คุรุสภา พร้อมกับกล่าวว่าเราทำเพื่อคนเหล่านี้ในวันข้างหน้า