เป็นนักแสดงในอดีตที่มีผลงานในวงการบันเทิงมากมาย สำหรับ “เจมี่ บูเฮอร์” แต่ในตอนนี้เธอได้ออกจากวงการไปหลายปีแล้ว

 

แต่ล่าสุด  เจมี่ ก็ได้ออกมาเปิดใจผ่าน Tiktok เล่าถึงสาเหตุที่เฟดออกจากวงการว่า เธอเจอกับเหตุการณ์ใหญ่ คือเจมี่ไปร่วมงานกับบริษัทแห่งหนึ่ง และเจมี่ก็ทำงานให้เขาเต็มที่ แต่พอเจมี่เปลี่ยนไปร่วมงานกับที่อื่น ซึ่งเจมี่ถ่ายละครอยู่สุขุมวิท ผู้หญิงคนหนึ่งมากับสามีผู้ยิ่งใหญ่ ไปนั่งคุยกับผู้จัดละครใส่ร้ายเจมี่ ดิสเครดิตทำให้ผู้จัดเกลียดเจมี่ เพราะเขารู้สึกว่า เจมี่ บูเฮร์ ชื่อนี้มันคือแบรนดิ้ง มันคือสิทธิของเขา ถ้าไม่ทำงานกับเขา ก็ไม่มีสิทธ์ไปทำงานกับคนอื่นได้

 

เจมี่เลยตัดสินใจไม่ยุ่ง แต่พอยิ่งหนี กลับเป็นเขาก็ยิ่งมาทำร้ายเจมี่ เพื่อที่จะให้เจมี่กลับปทำงานกับเขา แค่นั้นไม่พอ เขายังพูดใส่ร้ายสารพัด ในโต๊ะอาหารที่มีแต่ผู้บริหารช่องใหญ่ๆ โดยพูดว่าเจมี่ขายบริการ

 

เขายังบอกอีกว่าเชื่อเขาเถอะ เขาเช็กมาแล้วว่าเจมี่ทำงานแบบนี้จริง ส่งเด็กไปขายที่ญี่ปุ่น และคนก็เชื่อเขา ทุกวันนี้เจมี่เล่น Tiktok เขาก็ยังตามมาส่อง และถ้าเจมี่ไปเล่นละครที่ไหนเขาจะโทรหาทีมงานด้วยเรื่องโกหก

โดยเจมี่ยังได้ทิ้งท้ายถึงบุคคลดังกล่าวด้วยว่า เธอก็แค่คนกระจก คนที่อยู่สูงเขาไม่มีพฤติกรรมแบบนี้ และไม่ใช่วิธีการที่เธอทำอย่างนี้ ฉันไม่ฟาดเธอเล็กๆ หรอกนะ มันไม่สมมง เตรียมหาประเทศสำรองไว้บ้างนะคะ เพราะคนอย่างเธอติดคุกไปก็เปล่าประโยชน์ เปลืองข้าว เปลืองน้ำเปล่าๆ ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะก็มีรองรับอยู่แล้ว มาเป็นโสเภณีอย่างที่เธอเป็นอย่างทุกวันนี้ คงต้องทำอาชีพเอาเด็กไปขายบริการอย่างที่เธอใส่ร้ายฉันนั่นแหละ มีหลักฐานตรงไหนบ้างว่าฉันทำอาชีพนี้ ใครเป็นคนซื้อคะ หลักฐานโอนก็ต้องมีนะคะว่าใครเป็นคนติดต่อ มันหาง่ายมากเลยถ้าเกิดว่าฉันทำแบบนั้นจริงๆ

 

เธออิจฉาที่ฉันเอาชื่อเสียงที่ฉันสร้างขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของฉัน ฉันก็สร้างมันด้วยวิริยอุตสาหะของฉัน ฉันทำตรงนี้เพราะว่าฉันเป็นศิลปินที่อุทิศร่างกายเพื่องานศิลปะ คนพวกนี้จะมีศักดิ์ศรีซึ่งเป็นคำที่เธอไม่รู้จัก เพราะคนอย่างเธอเขาเรียกว่าโสเภณี ที่ทำทุกอย่างได้เพราะเงิน  ฝากบอกสามีด้วยต้องเตือน เมื่อภรรยาไประรานผู้อื่น ระวังคนจะหาว่าเราสมรู้ร่วมคิด ปลามันเน่าตัวเดียว มันจะเน่าไปทั้งตระกูล”