เปิดวีรกรรมแก๊งDSI -ตร.191 รวมหัวเรียกรับผลประโยชน์จีนเทา พา "อธิบดี" ถูกคำสั่งเด้งฟ้าผ่า
หลังจากกรณีคำสั่งย้าย นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ไปปฏิบัติหน้าที่ราชการที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และรักษาราชการแทนผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ สืบเนื่องจากกรณี
ข้อครหาที่เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งมีรายงานว่าบุคคลซึ่งเป็น ผอ.กองคดีฯ และเป็นหน้าห้อง-มือขวาของอธิบดี DSI ได้ประสานขอความร่วมมือไปยังรองผู้การ 191 เพื่อประสานต่อไปยัง รอง ผบช.น. ขอศาลอนุมัติหมายค้นบ้านพักกงสุลใหญ่นาอูรู จากนั้น เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ (DSI) ร่วมกันเข้าตรวจค้นบ้านพักอดีตกงสุลใหญ่นาอูรู ก่อนปรากฏข่าวเรียกรับผลประโยชน์จีนเทารวมเกือบ 10 ล้านบาท พร้อมปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้งหมดจนหลบหนีออกนอกประเทศไปได้
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่สืบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติศาลออกหมายจับ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมของกองกำกับการสายตรวจ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวม 16 ราย ประกอบด้วย
1. นายตฤณ (ขอสงวนนามสกุล) ผู้อำนวยการส่วนกลั่นกรองและการข่าวคดีพิเศษภาค
2. นายอนัน (ขอสงวนนามสกุล) เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ
3. นายอดิศร (ขอสงวนนามสกุล) เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ
4. นายอำนาจ (ขอสงวนนามสกุล) เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ
5. นายศุภชัย (ขอสงวนนามสกุล) เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ
6. ร.ต.อ.ณรงค์เดช (ขอสงวนนามสกุล)
7. ร.ต.ท.สุรินทร์ (ขอสงวนนามสกุล)
8. ด.ต.สุภชัย (ขอสงวนนามสกุล)
9. ด.ต.ปกิต (ขอสงวนนามสกุล)
10. จ.ส.ต.จีระ (ขอสงวนนามสกุล)
11. จ.ส.ต.อรรถรินทร์ (ขอสงวนนามสกุล)
12. จ.ส.ต.ธรรมนูญ (ขอสงวนนามสกุล)
13. จ.ส.ต.สิทธิพงษ์ (ขอสงวนนามสกุล)
14. ส.ต.อ.ธวัชชัย (ขอสงวนนามสกุล)
14 รายข้างต้น จะถูกดำเนินคดีในข้อหา เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมีชอบ, เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเพื่อจะช่วยเหลือผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษหรือให้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหายทำลายซ่อนเร้นเอาไปเสียหรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด
15. ส.อ.มนตรี (ขอสงวนนามสกุล) เจ้าหน้าที่ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ
16. นายอู่ จิน หลง สัญชาติจีน ทำหน้าที่เป็นล่ามแปลภาษาจีนของดีเอสไอ
ขณะที่รายที่ 15 และ 16 จะดำเนินคดีในข้อหา สนับสนุนให้เจ้าพนักงานร่วมกันเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ, สนับสนุนเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเพื่อจะช่วยเหลือผู้อื่นมีให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด
ซึ่งทั้งหมดได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนแล้ว แต่ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาและได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวโดยมีหลักประกัน
ขณะที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ระบุว่าคดีดังกล่าวเป็นคดีที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและดีเอสไอ ได้รับการประสานให้เข้าไปตรวจสอบบ้านพักอดีตกงสุลนาอูรู ซึ่งถูกใช้เป็นแหล่งซ่องสุมของชาวจีนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องผิดกฎหมาย แต่เมื่อมีการตรวจค้นพบผู้ต้องหาแล้ว กลับมีการเรียกรับผลประโยชน์เพื่อแลกกับการปล่อยตัว ถือว่าเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ จึงได้สั่งให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐและบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยเด็ดขาด หลังจากนี้จะขยายผลจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้ต้องหาที่หลบหนี นำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
โดยยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่า มีบุคคลที่มาเข้ามาเกี่ยวข้องมากน้อยเพียงใด ต้องรอผลการตรวจสอบ ทั้งนี้พบว่า ในปัจจุบันผู้ต้องหาชาวจีนทั้งหมดได้หลบหนีออกนอกประเทศแล้ว เบื้องต้นพบผู้ต้องหาบางส่วนมีหมายจับสากล (หมายแดง) ที่เกี่ยวข้องกับการทำพาสปอร์ต และวีซ่าปลอม ไม่เกี่ยวข้องกับคดีผับจินหลิง นอกจากนี้ ยังพบว่าในวันที่เข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าวมีกล้องวงจรปิด แต่ชุดจับกุมไม่ได้นำมาเป็นของกลาง แต่มีหนึ่งในผู้กระทำความผิดนำเซิร์ฟเวอร์ของกล้องวงจรปิดกลับไปที่บ้านเพื่อทำลาย แต่ได้ติดตามไปจนพบและสามารถกู้ภาพกลับมาได้แล้ว ส่วนกลุ่มผู้ต้องหาดีเอสไอที่ก่อเหตุในครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับคดีที่ปล้นบ้านคนจีนในพื้นที่ จ.ชลบุรีหรือไม่นั้น ยังต้องรอการตรวจสอบ แต่เบื้องต้นนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำหลักฐานมาให้ปรากฏว่าเป็นคนละกลุ่ม
ส่วนข้อสงสัยว่าทำไมกลุ่มทุนจีนสีเทาที่มีหมายจับสากล สามารถเข้ามาอยู่ในบ้านพักที่อดีตกงสุลนาอูรูเป็นผู้เช่าบ้านแต่ไม่ได้อยู่เอง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ตอบว่า ทางเจ้าหน้าที่จะเชิญมาชี้แจง พร้อมทั้งยืนยัน ต้องมีการสอบสวนในทุกมิติและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เชื่อว่ากลุ่มผู้ต้องหาจะไม่ยอมตายคนเดียวอย่างแน่นอน
ด้าน นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ในส่วนของดีเอสไอ ทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นเจ้าหน้าที่ระดับชำนาญการ ในขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง หากพบว่า มีมูลจะให้ออกจากราชการไว้ก่อน แต่ยืนยันว่าทั้งดีเอสไอและตำรวจไม่ได้มีความขัดแย้งกัน นิ้วไหนร้ายก็ต้องตัดออก ยอมรับว่า ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา มีการร้องเรียนและตรวจสอบพบว่ามีเจ้าหน้าที่ก่อเหตุในลักษณะนี้เพิ่มขึ้น ซึ่งตนในฐานะรองปลัดกระทรวงก็ได้ให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ที่อยู่ภายใต้กระทรวงยุติธรรมอยู่แล้ว