อัยการสูงสุด สั่งฟ้อง "ตู้ห่าว" กับพวกรวม 9 ข้อหาหนัก ทั้งเรื่องค้ายา-ฟอกเงิน-อั้งยี่-อาชญกรรมข้ามชาติ ซึ่งศาลได้นัดสอบคำให้การจำเลย วันจันทร์ที่ 23 มกราคมนี้
หลังจาก สำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนการสอบสวนคดี นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว กับพวก จากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 13 มกราคม และ อัยการสูงสุด ได้พิจารณาสำนวนการสอบสวนคดีดังกล่าวแล้วนั้น
ล่าสุด นางสาวนารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด ได้มีคำสั่งฟ้อง นายตู้ห่าว กับพวก รวม 23 คน ใน 9 ฐานความผิด คือ สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติด ให้โทษในประเภท 1 ร่วมกันจำหน่าย วัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 และ ประเภท 4 สมคบกันทำผิดฐานฟอกเงิน และ ร่วมกันฟอกเงิน เป็นอั้งยี่ มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ร่วมกันมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันตั้งสถานบริการ โดยไม่ได้รับใบอนุญาต ร่วมกันรับคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต และร่วมกันให้ทที่พักอาศัย ซ่อนเร้น คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
โดยพนักงานอัยการ สำนักงานคดียาเสพติด 4 ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องต่อ ศาลอาญากรุงเทพใต้แล้ว และ ศาลได้ประทับฟ้อง พร้อมนัดสอบคำให้การจำเลย ในวันจันทร์ที่ 23 มกราคมนี้ สำหรับข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติดนั้น มีอัตราโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต และ มีอายุความ 30 ปี
ส่วนกรณีที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ลงนามสั่งย้าย นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ไปรักษาราชการแทน ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และคาดกันว่า มาจากข้อครหา ที่มือขวาของอธิบดี ไปประสานตำรวจ ขอศาลอนุมัติหมายค้น บ้านพักอดีตกงสุลใหญ่นาอูรู ก่อนปรากฏข่าว เรียกรับผลประโยชน์จีนเทารวมเกือบ 10 ล้านบาท พร้อมปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้งหมด จนหลบหนีออกนอกประเทศไปได้
ล่าสุด พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล รักษาราชการแทน อธิบดี ดีเอสไอ บอกว่า ตนก็ตกใจกับคำสั่งดังกล่าว ส่วนเหตุผลของการโยกย้ายนั้น ตนไม่สามารถทราบได้ แต่จากการพูดคุยกับ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอหลาย ๆ คน รวมทั้งระดับผู้บริหาร ทุกคนก็ยืนยันว่า พร้อมทำงานเพื่อพิสูจน์เรื่องนี้
ส่วนกรณีที่ชุดปฏิบัติการด้านการข่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่มีเจ้าหน้าที่ที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาเป็นคณะทำงานอยู่ และถูกตั้งข้อกล่าวหาว่าตั้งขึ้นมาเพื่อเรียกรับผลประโยชน์นั้น จะเซ็นคำสั่งยกเลิกชุดปฏิบัติการดังกล่าว และหากพบว่าเจ้าหน้าที่กระทำผิดจริง ก็จะดำเนินการอย่างเด็ดขาด