"ชูวิทย์" คุยสื่อหลังอัยการสูงสุดสั่งฟ้อง "ตู้ห่าว" พร้อมพวก 41 คน 9 ข้อหา ฐานจำหน่ายยาเสพติด-ฟอกเงิน และอาชญากรรมข้ามชาติ จำเลยมีโอกาสรอด

20 ม.ค. 66 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้เปิดใจกับสื่อมวลชนหลังจากตำรวจสรุปสำนวนส่งอัยการสูงสุด และอัยการพิจารณาสั่งฟ้อง นายชายณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ "ตู้ห่าว" พร้อมพวก 41 คน 9 ข้อหา ฐานจำหน่ายยาเสพติด-ฟอกเงิน และอาชญากรรม

 

นายชูวิทย์ระบุว่าตัวมองว่าแต่กระบวนการสืบสวนสอบสวนในการสรุปสำนวนส่งอัยการค่อนข้างล้าช้า และมีกระบานการทำลายพยานหลักฐานต่างๆ หลายอย่าง รวมถึงการเสนอเงินให้พยาน เพื่อให้ยกเลิกการไปให้การหรือกลับคำให้การในชั้นศาลมนฐานะพยานในคดี

 

คดีนี้ เชื่อว่าจะใช้ระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 2 ปี เนื่องจากเอกสารเยอะ หลักฐานกว่า 400 ปาก และเอกสาร โดยเมื่อระยะเวลานาน พยานหลักฐานก็เริ่มหายไปเรื่อยๆ และอาจนำไปสู่การยกฟ้องได้

 

เป็นเด็นสำคัญคือข้อหาองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ แต่ไม่มีการฟ้องในส่วนของกระบวนการผู้สนับสนุน เช่นสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง, จเรตำรวจ, บชน. ,สน.ยานนาวา ที่ได้ดำเนินการช่วยผู้ต้องหาในการหลบหนี กลุ่มเหล่านี้ยังไม่มีการดำเนินการฟ้องผู้ในการช่วยเหลือ เชื่อว่าจีนเทาเติบโตได้ ต้องมีผู้สนับสนุน

 

เชื่อคดีนี้จบที่ศาลฎีกา ใช้เวลาอีกนานสำหรับคดีนี้ โอกาสรอดนายตู้ห่าวมี เพราะจำเลยมีความรู้ เงิน และอิทธิพล

 

นอกจากนี้ปมฟอกเงิน ตู้ห่าวถูกแจ้งเป็นคนสุดท้าย ทั้งที่เป็นตัวการ มันคืออะไร มีที่ไหนตัวการถูกแจ้งข้อหาคนสุดท้าย ที่จริงควรถูกแจ้งข้อหาคนแรกเลยด้วยซ้ำ ส่วนพยาน 400 ปาก ที่ตำรวจสรุปสำนวนส่งอัยการ เอาเวลาที่ไหนไปหาพยานถึง 400 ปาก ถึงเวลาจริงจะมีกี่ปากที่ขึ้นให้การในชั้นศาล

 

ทั้งนี้หากศาลยกฟ้อง ปล่อยตู้ห่าว ไม่กลัวผลกระทบ หากกลัวสังคมจะอยู่อย่างไร ความยุติธรรมคือการต่อสู้ เมื่อต่อสู้ถึงจะชนะ ผมยินดีต่อสู้เรื่องนี้ในภาคประชาชน ไปจนวันสุดท้าย ต่อสู้ให้สังคมได้เห็นคุณคือเป็นผู้พิจารณา ว่าสิ่งที่พูดเป็นประโยชน์หรือไม่