ไม่เหลืออะไรเลย! แม่บ้านร้านของชำถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นสรรพากรดูดเงินสูญ 1.6 ล้านบาท รวม 3 บัญชี เผยบัญชีฝากประจำไม่ได้ผูกกับแอปฯ หรือถอนเงินสดออกมาเลย ตำหนิธนาคารไม่สะทกสะท้านอะไรเลย
วันที่ 21 ม.ค.66 สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 ม.ค.66 เมื่อเวลา 17.30 น. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า นางบุญทัน เสวิสิทธิ์ อายุ 54 ปี เจ้าของร้านขายของชำ บ้านโคก ต.นามาลา อ.นาแห้ว จ.เลย ถูกแอปฯ สรรพากรหลอกให้ทำรายการ ถูกดูดเงิน 3 บัญชี มูลค่าความเสียหาย 1,682707 บาท หมดเนื้อหมดตัวถึงกับเป็นลม
โดยนางบุญทัน เสวิสิทธิ์ เล่าว่า เมื่อวันที่ 19 ม.ค.66 มีคนอ้างเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากร โทรมาบอกว่า ให้ยกเลิกแอปฯ ถุงเงิน และให้ไปเสียภาษีย้อนหลัง แต่ตนเองไม่สะดวกคุยเพราะกำลังขายก๋วยเตี๋ยว จนเมื่อเช้าวันที่ 20 ม.ค.66 ได้โทรมาบอกให้ไปเสียภาษีย้อนหลังอีกครั้งหนึ่ง แต่ตนเองตอบกลับไปว่าได้ไปเสียภาษีแล้วปีละ 2 ครั้ง จากนั้นให้ตนเองยืนยันว่ามีการเสียภาษีที่ต้อง โดยให้ทำรายการทางไลน์ แต่ทำไม่เป็นจึงให้นางสาวกันติมา แข็งขัน ลูกสะใภ้ ทำรายการให้ แต่ในขณะที่ทำอยู่นั้น มือถือกลับมีอาการค้าง จึงเริ่มเอะใจจะปิดเครื่องก็ไม่ได้ สุดท้ายไปเช็กบัญชีที่ธนาคารกรุงไทย และธนาคาร ธกส. รวม 3 บัญชีพบว่าเงินหายไป 1,682,707 บาท
จากนั้นรีบไปธนาคาร ธกส. สาขาด่านซ้าย เพื่อขอดูบัญชีพบว่ายอดเงิน 256,513 เหลือ 1,513 บาท ทราบชื่อบัญชีปลายทาง ธนาคารกรุงไทย ชื่อนายสิทธิชน สาลี แล้วเดินทางไปที่ธนาคารกรุงไทย สาขาด่านซ้าย ที่เปิดบัญชี พบว่าบัญชีฝากประจำที่ไม่เคยเบิกเงินออกมาเลย มียอดเงิน 1,271,000 บาท เหลือ 770 บาท และบัญชีออมทรัพย์มียอดเงิน 155,194 บาท เหลือ 1,145 บาท แต่เจ้าหน้าที่สั่งบอกให้ปิดบัญชีแล้วไม่ให้รายละเอียดอะไรเลยถามชื่อบัญชีปลายทางก็ไม่บอก ทั้งที่บัญชีฝากประจำมียอดเงิน 1,271,000 บาท ไม่ได้ผูกกับแอปฯ หรือเคยถอนเงินออกมาเลย
ด้านนางสาวกันติมา แข็งขัน ฝากถามไปยังธนาคารกรุงไทยว่า เวลานำเงินไปฝากธนาคารไม่เห็นจะว่าอะไร แต่พอได้รับความเสียหาย ทำไม่ได้รับความช่วยเหลืออะไรเลย เงินหายกว่า 1,000,000 บาท ไม่สะทกสะท้านอะไรเลย ไม่เดือดร้อนสักนิด จากนั้นจะไปปรึกษาทนายเพื่อขอต่อสู้ที่ธนาคารไม่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยบัญชีของลูกค้า ไม่ใช่เกิดความเสียหายแล้วสั่งให้ปิดบัญชี