เดือดจัด "ลูกชายวัย 15" ขอเงิน "วันตรุษจีน" ไปซื้อยาบ้าแต่แม่ไม่ให้ โมโหหยิบเสื้อผ้ามาเผา สุดท้ายลามบ้านวอดทั้งหลัง แม่และน้องชายที่พิการต้องไร้ที่อยู่

21 ม.ค. 66 ร.ต.อ.วีระพันธ์ ชื่นชม พนักงานสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี ได้รับแจ้งว่ามีเหตุไฟไหม้บ้าน บริเวณถนนสีดา ตำบลป่าตาล อำเภอเมืองลพบุรี จึงรีบแจ้งขอรถดับเพลิงเทศบาลเมืองลพบุรี และหน่วยงานข้างเคียงเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจำนวน 8 คัน เดินทางไปดับไฟ และกำลังเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูอีกจำนวนหนึ่ง

 

จุดเกิดเหตุพบกลุ่มควันสีดำพุ่งขึ้นท้องฟ้าจำนวนมากสร้างความตื่นตกใจประชาชนที่อยู่ใกล้บริเวณดังกล่าว ตรวจสอบไฟกำลังลุกไหม้อยู่ที่บ้านเลขที่ 8 เป็นบ้านไม้ชั้นเดียวปลูกติดพื้นที่ต่อกันปลูกอยู่ระหว่างกลางของร้านค้าและบ้านเรือนประชาชนจำนวนมากไฟกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรงและวอดหมดไปทั้งหลัง เจ้าของบ้านคือนางนภาพร เชลงศักดิ์อายุ 47 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไปและเก็บของเก่าขาย มีขยะกองหน้าบ้านทำให้เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี และไฟกำลังลุกลามไปยังบ้านข้างเคียงได้รับความเสียนอกจากนี้ยังมีลูกชายเจ้าของบ้านที่เป็นคนพิการเดินไม่ได้ช่วยเหลือออกมาได้ทัน ก่อนรถน้ำดับเพลิงมาถึง

 

เมื่อรถดับเพลิงและเจ้าหน้าที่มาถึงก็ได้เร่งฉีดน้ำสกัดเพลิงที่กำลังลุกไหม้อย่างรุนแรงใช้เวลา 30 นาทีจึงควบคุมเพลิงไว้ได้ในวงจำกัด

 

นอกจากนี้ชาวบ้านยังได้ควบคุมตัว นายกัส เชลงศักดิ์ เป็นเยาวชน อายุ 15 ปี ลูกชายคนเล็กเจ้าของบ้านเป็นผู้ก่อเหตุเผาบ้าน ให้ตำรวจทำการสอบสวน ซึ่งเบื้องต้น นายกัส ยอมรับว่าเป็นคนต้นเหตุที่ทำให้ไฟไหม้บ้าน เรื่องขอเงินแม่แล้วไม่ได้แถมยังถูกแม่บ่นด่าว่าด้วยความโมโหแม่และน้อยใจจึงหยิบเสื้อผ้ามาเผาและเผาตู้ไม้ในบ้านจนทำให้ไฟลุกลามขึ้นตนเองพยายามดับไฟแล้วแต่ทำไม่สำเร็จทำให้ลุกลามไฟไหม้ทั้งหลัง

 

ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบประวัตินายกัส ผู้ก่อเหตุพบว่ามีพฤติกรรมเสพยาเสพติด ด้านนางนภาพร เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุขณะกำลังนั่งคัดแยกของเก่าอยู่หน้าบ้าน ส่วนลูกชายนอนอยู่ในบ้านหาข้าวกินไม่มีกินจนเอะโวยวายขึ้น ตนเองก็บ่นว่าลูกชายไม่ยอมมาช่วยทำงานคัดแยกของ ทำให้ลูกชายโมโหและได้ใช้ไม้ตีที่แขนซ้ายตนเองก่อน ไปจุดไฟเผาเสื้อผ้า จนเกิดไฟลุกลามไหม้ใหญ่โตแล้วเกินกว่าที่จะดับเองตัดสินใจวิ่งเข้าไปในบ้านอุ้มลูกชายคนโตพิการเดินไม่ได้ออกจากบ้านมาทัน หลังจากนั้นก็ถูกไหม้อย่างรวดเร็ว

 

ผู้สื่อข่าวรายงานหลังเพลิงสงบลง นางนภรพร ได้เดินทางติดตามมาดูนายกัส ลูกชายที่ สภ.เมืองลพบุรี โดยยังพบลูกชายนั่งอยู่ในรถกระบะของตำรวจ จึงขอพบตัวลูกชายเมื่อตำรวจพาลงจากรถนางนภาพร ก็โผกอดลูกชายด้วยน้ำตา บอกตำรวจต่อหน้าผู้สื่อข่าวว่าตนให้อภัยลูกไม่คิดโกรธเพราะมีอาการทางสมองมาตั้งแต่เด็กแล้ว ทางโรงเรียนยังให้ไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล

 

เบื้องต้นนี้จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่าไฟไหม้บ้านนางนภาพรทั้งหมด และยังลุกลามทำให้บ้านเรือนข้างเคียงได้รับความเสียหายอีก 2 หลัง อยู่ระหว่างประเมินค่าเสียหาย ส่วนผู้ก่อเหตุได้นำตัวไปตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดที่โรงพยาบาล และจะได้ดำเนินการตามกฏหมายต่อไป