ชาวบ้านหนีตาย! สงครามอาชีวะเปิดศึกกลางถนนแพรกษา มีผู้บาดเจ็บ 2 ราย
วันที่ 24 ม.ค.66 กล้องวงจรปิดจับภาพได้ขณะที่มีกลุ่มวัยรุ่นสองฝ่ายยกพวกไล่ทำร้ายร่างกายกันกลางถนน บริเวณร้านข้าวต้มริมถนนแพรกษา อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ โดยชาวบ้านที่นั่งรับประทานอาหารอยู่ที่หน้าร้านต่างพากันวิ่งหนีตายหลบเข้ามาในร้านกันจ้าละหวั่น ขณะที่ลูกค้าในร้านรายหนึ่งได้คว้ามือถือบันทึกภาพเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ได้อย่างระทึก ซึ่งพบว่าจากคลิปที่มีการบันทึกไว้ได้นั้น จะได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวจนหลายคนพากันหวาดผวาและกลัวว่าจะถูกลูกหลงจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ หลังเหตุการณ์สงบ ตำรวจสายตรวจของสภ.เมืองสมุทรปราการ เข้าระงับเหตุพบเพียงคนเจ็บที่เป็นวัยรุ่นชายอายุ 17-18 ปี 2 ราย ถูกยิงเข้าที่ขาและแขนจนได้รับบาดเจ็บ ถูกช่วยเหลือนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน
ขณะที่จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบทั้งปลอกกระสุนปืนตกเกลื่อนถนนรวมถึงระเบิดปิงปองที่มีทั้งระเบิดแล้วและยังไม่ระเบิดตกกระจายเต็มถนน เจ้าหน้าที่จึงเก็บทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นมีการเชิญวัยรุ่นที่อยู่ในที่เกิดเหตุไปสอบปากคำที่สภ.เมืองสมุทรปราการ
นายสุภกร โสภาศรี พ่อค้าร้านอาหารในละแวกที่เกิดเหตุบอกว่า ขณะกำลังทำอาหารให้กับลูกค้าที่มานั่งรับประทานอาหารที่หน้าร้าน อยู่ๆมีวัยรุ่นสองสถาบันรวมกว่า 30-40 คน ยกพวกไล่ทำร้ายกันมีมีด ปืน ระเบิด จนทุกคนต้องหนีตายมาหลบในร้าน
ขณะที่หนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นที่ถูกตำรวจเชิญตัวมา บอกว่า ตนเองเป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนชำนิเทคโนโลยี สมุทรปราการ ก่อนเกิดเหตุตนเองและเพื่อนมีทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบัน รวมทั้งหมด 14 คน พากันขี่รถจักรยานยนต์ตะเวนแขวนป้ายของสถาบันเนื่องในวันสถาปนาที่จะจัดขึ้นในวันนี้ (24 ม.ค.66) ขณะกำลังขับรถหาที่แขวนป้ายตามสะพานลอยและเสาไฟ ก็ไปพบกับกลุ่มคู่อริต่างสถานบันคือฝั่งของโรงเรียนกรุงเทพช่างที่พากันขี่รถจักรยานยนต์จำนวนหลายคันรวมกว่า 20 คนเปิดฉากปาระเบิดปิงปองใส่รถจักรยานยนต์ตนแต่ระเบิดไม่ทำงาน จากนั้นปาใส่รถของรุ่นน้องอีกครั้งจนรถล้มลงทำให้รุ่นน้องต้องวิ่งหนีตายและเป็นฝ่ายถูกไล่ยิงและปาระเบิดใส่อีกหลายครั้ง ส่วนฝั่งของตนเองไม่มีอาวุธติดตัวกันมามีเพียงก้อนหินที่ปาตอบโต้อีกฝ่ายจนกระทั่งสิ้นเสียงปืนและระเบิดพบว่ารุ่นน้องถูกยิงสองคนจึงรีบแจงตำรวจและกู้ภัยมาช่วยเหลือ
ด้านตำรวจเตรียมรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกติดตามตัวกลุ่มวัยรุ่นทั้งสองสถาบันมาสอบปากคำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเร่งด่วนเพราะถือเป็นการกระทำที่อุกอาจไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย พร้อมทั้งเตรียมจัดกำลังคุมเข้มงานสถาปนาดังกล่าว