"นอท กองสลากพลัส" ส่งทนาย เข้ามอบข้อมูลให้ DSI เกี่ยวกับเส้นทางการเงิน 39 รายการ ด้านโฆษกยัน หากผิดจริง เอาผิดได้อยู่แล้ว
เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 26 ม.ค. ที่ ศูนย์คดียาเสพติด ศูนย์ราชการฯ อาคารเอ ถ.แจ้งวัฒนะ กทม. นายศุภชัย ทิพย์สิทธิ์ ทนายความของนายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ "นอท กองสลากพลัส" ได้เดินทางเข้าพบนายพงษธร อินอำนวย ผอ.ศูนย์คดียาเสพติด เพื่อมอบข้อมูลหลักฐานเกี่ยวกับเส้นทางการเงิน 39 รายการ ภายหลังดีเอสไอเรียกขอตรวจสอบเพิ่มเติมก่อนหน้านี้ โดยไม่ได้มีการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแต่อย่างใด
ด้านนางพิชญา ธารากรสันติ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า การเรียกสอบปากคำทนายความของนายพันธ์ธวัช วันนี้พนักงานสอบสวนเรียกสอบในประเด็นเส้นทางการเงิน 39 รายการซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับนายพันธ์ธวัช
ขณะที่ น.ส.พิทยาภรณ์ ชูรัตน์ รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า สำหรับเส้นทางการเงิน 39 รายการนั้น ตรวจพบจากการสืบสวนสอบสวนว่ามีการโอนเงินเข้าบัญชีของนายพันธ์ธวัช โดยผู้เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ อยู่ระหว่างพนักงานสอบสวนดำเนินการต่อไป รายละเอียดยังขอให้เป็นความลับในสำนวน ทั้งนี้ หากตรวจสอบแล้วพบข้อสงสัย อาจจะเรียกมาชี้แจงเพิ่มเติม โดยต้องรอทางทนายความของนายพันธ์ธวัชให้การก่อน
น.ส.พิทยาภรณ์ กล่าวอีกว่า ส่วนเงินจำนวน 53 ล้านบาทที่มีการสอบปากคำนายพันธ์ธวัชก่อนหน้านี้นั้น ทางพนักงานสอบสวนต้องดูก่อนว่ามีความสอดคล้องกับคำให้การของนายพันธ์ธวัชหรือไม่ ส่วนจะมีแนวโน้มพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่นั้น พนักงานสอบสวนจะตรวจสอบพยานหลักฐาน และคำให้การว่ามีความสอดคล้องกันกับคำให้การหรือไม่ ส่วนเงินจะมาจากการทำธุรกิจอะไรนั้น ตอนนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ อย่างไรก็ตาม หากตรวจสอบเส้นทางการเงิน 39 รายการที่ทางทนายความนายพันธ์ธวัชนำมายื่นวันนี้ แล้วพบรายชื่อบุคคลที่เข้าข่ายสงสัย อาจจะมีการออกหมายเรียกเข้ามาให้การในฐานะพยานถึงความเกี่ยวข้องกับนายพันธ์ธวัชต่อไป น.ส.พิทยาภรณ์ กล่าวต่อว่า ส่วนก่อนหน้านี้ที่นายพันธ์ธวัชมีการให้การว่าได้ไปกู้ยืมเงินมานั้น สำหรับคนที่ให้กู้ยืม ตอนนี้ดีเอสไอยังไม่ได้เรียกสอบปากคำคนให้กู้แต่อย่างใด โดยภายในสัปดาห์หน้าจะมีการแถลงความคืบหน้าทางคดีอีกครั้ง สำหรับการที่ นายพันธ์ธวัช เดินทางไปต่างประเทศเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้จะอยู่ระหว่างการสอบสวน แต่ตอนนี้นายพันธ์ธวัชยังอยู่ในฐานะพยาน มีสิทธิเสรีภาพตามปกติ ตราบที่ยังไม่เป็นผู้ต้องหา ดีเอสไอไม่สามารถไปจำกัดการเดินทาง หรือสิทธิเสรีภาพได้
"กรณีที่นายพันธ์ธวัชปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และออกมายืนยันทุกช่องทางว่าไม่เกี่ยวข้องนั้น ต่อให้นายพันธ์ธวัชปฏิเสธอย่างไร หากพยานหลักฐานชัดเจนก็สามารถดำเนินคดีได้อยู่แล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ปักปรำ หรือดำเนินคดีกับนายพันธ์ธวัชแต่อย่างใด" รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท กองสลากพลัส ไม่ได้ไปขึ้นเงินถูกรางวัลด้วยตัวเองทุกรอบอย่างที่นอทได้เปิดเผย เนื่องจากพยานหลักฐานและการที่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษไปสอบปากคำเจ้าหน้าที่สำนักงานสลากกินแบ่งนั้น พบปรากฏว่า "นาย อ." ได้ไปขึ้นเงิน 53 ล้านบาทภายในวันเดียว โดยแบ่งเป็นครั้งแรก 42 ล้านบาท ครั้งที่สอง 11 ล้านบาท และเจอว่า "นาย อ" จ่ายแคชเชียร์เช็ค 2 ฉบับให้นายพันธ์ธวัช
สำหรับการสอบปากคำนานพันธ์ธวัช เรื่องจำนวนเงิน 53 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13 ม.ค.นั้น พยานหลักฐานของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษพบว่าค่อนข้างมีความชัดเจน และข้อเท็จจริงชัดเจนแล้ว ขั้นตอนหลังจากนี้ต้องให้คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษร่วมกันประชุม เพื่อลงมติว่าจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาแก่นายพันธ์ธวัชหรือไม่ ดังนั้น ประชาชนจะได้ทราบผลสรุปเรื่องเงิน 53 ล้านบาทที่นายพันธ์ธวัชรับมาจาก "นาย อ." ก่อน ในขณะที่เส้นทางการเงิน 39 รายการยังคงต้องใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานและขยายผลต่อไป
ส่วนเรื่องเส้นทางการเงิน 39 รายการ หรือคดีพิเศษที่ 6/66 นั้น สาเหตุเนื่องมาจากเมื่อครั้งการสอบปากคำเมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา นายพันธ์ธวัชไม่สามารถตอบเรื่องเส้นทางการเงิน 39 รายการได้ จึงได้แจ้งขอเข้ามายื่นข้อมูลอีกครั้ง เป็นเหตุให้วันนี้ (26 ม.ค.) ทนายความของนอทได้นำเอาเอกสารเกี่ยวกับเส้นทางการเงิน 39 รายการมาเพื่อแสดงว่าเป็นเงินที่รับโอนมาจากบุคคลใดหรือนิติบุคคลใดบ้าง พนักงานสอบสวนจึงต้องนำเอกสารหลักฐานที่ได้รับจากทนายความในวันนี้ ไปตรวจสอบในส่วนของแพลตฟอร์มการขายลอตเตอรี่ออนไลน์ และบรรดาเหล่านายทุนของนายพันธ์ธวัช สำหรับคนที่ให้นายพันธ์ธวัชกู้เงินล้วนเป็นนักธุรกิจไทยสีเทา โดยสองในนี้ คือ นายเอ็ดดี้และนายแทนไท ทำให้พนักงานสอบสวนต้องดูว่ารายการเส้น 39 รายการนี้มีความเกี่ยวพันเชื่อมโยงกับนายเอ็ดดี้หรือแทนไทหรือตัวแทนของทั้งคู่หรือไม่ ดังนั้น หากพนักงานสอบสวนเห็นว่ามีบุคคลใดอยู่ในเส้นทางการเงิน 39 รายการ ก็จะต้องมีการมอนิเตอร์ต่อไป ซึ่งอาจนำไปสู่การออกหมายเรียกในฐานะพยานเพื่อขอให้เข้าให้ปากคำ หรือหากมีพฤติการณ์ชัด ก็อาจจะมีการแจ้งข้อหาได้
นอกจากนี้ จากการที่ดีเอสไอออกหมายเรียกบุคคลจำนวน 7 รายเพื่อมาให้การในฐานะพยาน ปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีบุคคลเข้ามาให้การแล้ว 4 ราย ถูกดีเอสไอจับกุมแล้ว 1 ราย และอีกคนอยู่ระหว่างติดหมายศาล
ทั้งนี้ มีรายงานว่า "นาย อ." เจ้าของจำนวนเงิน 53 ล้านบาท ได้ติดต่อขอเข้ามอบตัววันนี้ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์ อย่างไรก็ตาม คดีพิเศษที่ 288/2565 คาดว่าจะมีการสรุปสำนวนและส่งให้อัยการภายในเดือนกุมภาพันธ์