โมโหหิวเป็นเหตุ! ชายหัวร้อนสั่งกะเพรา แต่ต้องรอ 4 คิว วัตถุดิบดันหมดอีก ของขึ้นลั่น "จะเผาร้าน_ึง" ก่อนคว้ามีดวิ่งไล่ทำร้ายแม่ค้า ผ่านไปเกือบ 1 เดือน คดีไม่คืบ
วันที่ 26 ม.ค.66 เมื่อเวลา 10.30 น. เพจสายไหมต้องรอดูลงพื้นที่ ถ.สุเหร่า คลอง 1 แยก 3 พร้อมนางสนอง เบาระคน อายุ 51 ปี เจ้าของร้านขายอาหารตามสั่ง ชี้จุดเกิดเหตุ พร้อมเปิดเผยว่า วันเกิดเหตุ มีลูกค้ามาสั่งอาหารเอาไว้ แต่เมื่อแจ้งว่าวัตถุดิบหมด ได้คว้ามีดวิ่งไล่แทง เวลาผ่านไปเกือบ 1 เดือน ยังไม่มีความคืบหน้าของคดี เกรงว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะผู้ก่อเหตุระบุเป็นเด็กตำรวจ
นางสนอง กล่าวว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 ม.ค.66 ช่วงเวลาประมาณ 23.00 น. ตนเองขายอาหารตามสั่งอยู่ และคนก่อเหตุ นายแจ็ค (นามสมมติ) เดินมาพร้อมกับภรรยา สั่งกะเพราหมู 1 กล่อง พอสั่งเสร็จ เขาก็เดินไปซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาฉลองปีใหม่ ซึ่งตอนนั้นต้องรออีกประมาณ 4 คิว ถึงจะถึงคิวนายแจ็ค เมื่อนายแจ็คเดินกลับมาถามว่า "ได้หรือยัง" ตนเองตอบกลับไปว่า "ของหมดแล้ว" จากนั้น นายแจ็คก็โกรธ ต่อว่าตนเองด้วยถ้อยคำหยาบคายต่าง ๆ นานา บอกว่า "กูจะเผาร้านมึง" และผ่านไปไม่นานนายแจ็คได้เดินกลับไปที่รถส่งของแล้วคว้ามีดพกออกมา ก่อนวิ่งไล่แทงตนเอง ตนเองจึงรีบวิ่งหนีเอาชีวิตรอด ขณะที่ภรรยาของนายแจ็คก็ตะโกนห้ามแล้วบอกว่า "ถ้าไม่มีก็ไปกินร้านอื่นก็ได้" แต่นายแจ็คไม่ฟัง นายแจ็ควิ่งไล่ตนเองได้สักพัก ก่อนที่จะกลับไปขึ้นรถแล้วขับออกไป
ต่อมา เวลา 00.45 น. นายแจ็คกับภรรยาก็วนรถกลับมาหน้าร้านอีกครั้ง ตอนนั้นตกใจมาก อยู่ ๆ นายแจ็คก็ถือมีดออกมาอีกครั้ง แล้วก็ด่าทอตนเองเหมือนเดิม คนแถวนั้นก็ออกมาช่วยตนเองทำให้ถูกนายแจ็คต่อยไปด้วย ตอนนั้นภรรยาของนายแจ็คก็ขอโทษตนเองแทนสามี
ไม่ทราบว่าทำไมนายแจ็คถึงได้โมโหขนาดนั้น อาจจะเพราะมึนเมาด้วยหรือเปล่า ประกอบกับมาสั่งอาหารแล้วไม่ได้อาหารตามที่สั่ง คาดว่าโมโหหิว จึงได้ตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าว
หลังเกิดเหตุ นายแจ็คยังได้ท้าทายตนเองให้ไปแจ้งความกับตำรวจ บอกว่าไม่กลัวเพราะตัวเองเป็นเด็กตำรวจ ตนเองจึงได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันดำเนินคดีกับนายแจ็คแล้วที่ สน.คันนายาว ซึ่งตำรวจก็ทราบตัวผู้ก่อเหตุดี แต่เมื่อเวลาผ่านไปเกือบจะ 1 เดือน ยังไม่มีความคืบหน้าทางคดี ตนเองต้องเปิดร้านขายเพราะหวาดระแวงกลัวว่านายแจ็คจะวนกลับมาก่อเหตุแบบเดิม ตนเองจึงตัดสินใจไปร้องเรียนกับเพจสายไหมต้องรอด
โดยวันนี้ (26 ม.ค.66) เมื่อเวลา 14.30 น. ที่ สน.คันนายาว นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พานางสนอง เปาระคน อายุ 53 ปี ผู้เสียหายมาพบ พ.ต.ท.วีระ งามเลิศ รอง ผกก.สอบสวน สน.คันนายาว ก่อนจะให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน
โดยขณะที่ผู้เสียหายปากคำได้ร้องไห้ออกมาเป็นระยะ เพราะรู้สึกหวาดกลัว เกรงว่าจะไม่ได้ความเป็นธรรม เพราะยังต้องขายของอยู่ที่นั่นอีกและกังวลว่าจะถูกทำร้ายอีก
ด้าน นายเอกภพ กล่าวว่า หลังจากเกิดเรื่องได้ประสานกับผู้กำกับ สน.คันนายาว ให้ติดตามคนก่อเหตุมาดำเนินคดี จากการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่าติดต่อผู้ก่อเหตุไปแล้ว ซึ่งนัดมอบตัววันที่ 1 ก.พ.นี้ ส่วนสาเหตุที่ต้องมาวันที่ 1 เนื่องจากผู้ก่อเหตุติดทำธุระที่ต่างจังหวัด
ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบชื่อและที่อยู่ของผู้ก่อเหตุหมดแล้ว แต่ไม่สามารถตามตัวมาดำเนินคดีได้ อันนี้ขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้เสียหายว่ามีการพูดคุยกันอย่างไร เชื่อว่าอาจจะมีการพูดคุยไม่เข้าใจ ทำให้รูปคดีล่าช้า
หลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะสอบสวนผู้เสียหายอีกครั้ง หากมองรูปการแล้ว เป็นมากกว่าการทำร้ายร่างกายผู้อื่น ก็จะเเจ้งข้อหาเพิ่มเติมอีกครั้ง หากผู้ก่อเหตุไม่มาตามนัดก็จะออกหมายจับทันที และฝากบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ให้ลงพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มมากขึ้นด้วย เนื่องจากขณะที่ตัวเองลงพื้นที่ มีประชาชนแจ้งว่าเกิดเหตุการดังกล่าวบ่อยครั้ง และชาวบ้านในพื้นที่รู้สึกไม่ปลอดภัย
ส่วนตัวผู้เสียหายเองก็ยังคงหวาดกลัวและน้อยใจตัดพ้อว่าตัวเองจน คดีถึงไม่คืบหน้า ซึ่งตัวเองให้การยืนยันกับผู้เสียหายว่า คนทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ต้องได้รับความยุติธรรมแน่นอน พร้อมจี้เจ้าหน้าที่ตำรวจให้สื่อสารกันมากกว่านี้ เพื่อการดำเนินคดีจะได้รวดเร็ว
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปหา นายแจ็ค ผู้ก่อเหตุ ยอมรับว่าวันเกิดเหตุไปสั่งข้าวกะเพราะหมูที่ร้านจริง แต่พอป้าบอกว่าของหมด ตนเองก็โมโหเพราะไม่ได้กินข้าวมาทั้งวัน ประกอบกับดื่ทเหล้ามา5-6กลม จนเมา และก่อนที่จะมาก่อเหตุ ก็มีปัญหากับกลุ่มคู่อริมาก่อน พอเจอเหตุการณ์ดังกล่าวก็เลยบันดาลโทสะ คว้ามีมาไล่แทง ยอมรับว่ามาหาเรื่องคุณป้าถึงสองครั้ง
ส่วนในคลิปวงจรปิดครั้งที่สอง ที่ตนเองวนกลับมาหาคุณป้าอีกครั้ง แล้วตนเองไปต่อยพลเมืองดี ยืนยันว่า นั่นไม่ใช่พลเมืองดีอย่างที่เป็นข่าวออกไป แต่เป็นกลุ่มคู่อริที่มาหาเรื่อง และตนเองก็ถูกทำร้ายร่างกายด้วย แต่กลับไม่มีหลักฐาน
ส่วนกระเเสข่าวหลังก่อเหตุเสร็จตนเองท้าให้ไปแจ้งความเพราะเป็นเด็กตำรวจ ยอมรับว่าพูดจริงและรู้จักจริง แต่ไม่ใช่ที่สน.คันนายาว หลังจากนี้ตนเองจะเดินทางมามอบตัว ภายในวันจันทร์ ที่ 1 ก.พ.นี้