ดาราสาวไต้หวันซัดตำรวจไทยยัดบุหรี่ไฟฟ้าใส่มือ ก่อนถ่ายภาพรีดเงิน ทำท่าทีโมโห ไม่ให้ถ่ายคลิป ลั่นเธอไม่ใช่เหยื่อรายเดียว
วันที่ 28 ม.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ดาราสาวไต้หวันอ้างถูกตำรวจไทยรีดไถเงิน 27,000 บาทซึ่งวานนี้ (27 ม.ค.66) ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเรียกตัวคนขับแกร็บคืนวันเกิดเหตุไปสอบปากคำเพิ่มเติม โดยคนขับแกร็บให้การยืนยันว่า ดาราสาวไต้หวันเมา 100% พร้อมกับยังมีท่าทางโวยวายและส่งเสียงดัง
ภายหลังจากที่ตำรวจไทยแถลงข่าวหลายครั้ง และพยายามชี้แจงว่า ดาราสาวคนนี้กระทำความผิด โดยเฉพาะ ถือครอง "บุหรี่ไฟฟ้า" อันหยูชิงจึงได้ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อไต้หวันตอบโต้ว่า "เธอถูกยัดข้อหา"
"ผู้บัญชาการของตำรวจไทยแถลงข่าว แล้วบอกว่าไม่มีการตั้งด่าน ต่อมาโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็บอกว่ามีการตั้งด่านจริง"
"ตำรวจไทยกำลังโกหก และฉันไม่ใช่เหยื่อคนเดียว มีเพื่อนชาวไต้หวันอีก 3 คนที่ไปประเทศไทยในช่วงปีใหม่ แล้วถูกรีดไถเงินหนักกว่าอีก มันกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว"
เธอยังเปิดเผยข้อมูลใหม่เพิ่มเติมถึงสิ่งที่เกิดขึ้นว่า ตอนนั้น มีตำรวจ 7 นายอยู่บนถนน และทุกคนมีอาวุธปืน ด้วยท่าดีดูโกรธเกรี้ยวตลอดเวลา โดยพวกเขาไม่ยอมให้เธออัดวิดีโอไว้เป็นหลักฐาน
"พอตำรวจเอาเงินไปแล้ว พวกเขาก็ยัดบุหรี่ไฟฟ้ามาให้ฉัน ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไรในตอนนั้น แต่ก็ถูกตำรวจถ่ายรูป ตำรวจควบคุมตัวนักท่องเที่ยว เพียงเพราะพวกเราพูดภาษาไทยไม่ได้ และกดดันให้ต้องจ่ายเงินโดยดี"
อันหยูชิง เล่าให้สื่อไต้หวันฟังว่า พยายามอ้อนวอนถึงขั้น “เกือบก้มกราบ” และเกือบ “คุกเข่าไหว้” ก่อนที่ตำรวจนายนั้นจะพาเธอไปที่ลับตาคน โดยมีพฤติการณ์หลบกล้องวงจรปิดของสถานเอกอัครราชทูตจีน แล้วรีดไถเงินพวกเธอว่า “ต้องจ่าย 27,000 บาท ถึงจะยอมปล่อย”
เมื่อพวกเธอยอมจ่าย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเรียกแท็กซี่ให้พวกเธอกลับโรงแรม โดยเธอเล่าว่า ใกล้ ๆ ตัวเธอในเวลานั้น มีนักท่องเที่ยวที่คาดว่าเป็นหญิงเกาหลีใต้ 5 คน ที่เจอสถานการณ์คล้ายคลึงกัน
“ฉันอยากเตือนคนไต้หวันว่า จะไปไทยให้ระวัง อย่าพกเงินสดติดตัวในกระเป๋าเยอะ เพราะโดนสุ่มค้นตัวมา หาเรื่องยัดข้อหา พวกนั้นจับดูกระเป๋าเงินก่อน ให้ระวังดี ๆ”
“เพราะพวกเขาขาดรายได้จากการท่องเที่ยวมานานช่วงโควิด พอเปิดประเทศจึงกลายเป็นมีแต่ปัญหาแบบนี้”
อย่างไรก็ตามดาราสาวได้ติดต่อตำรวจสากลไปแล้ว เพื่อให้เข้าดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริง แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดใดเพิ่มเติม