หลังประชุมความคืบหน้า โฆษก บช.น. ยืนยันขณะนี้ยังไม่พบหลักฐานตามที่สาวไต้หวันถูกกล่าวอ้าง เร่งประสานหน่วยงานต่างประเทศนำตัวมาสืบสวน ยอมรับเรื่องดังกล่าวสร้างความเสื่อมเสียให้ประเทศ หากพบตำรวจผิดจะเนินเนินการขั้นเด็ดขาด
วันที่ 29 ม.ค. 2566 พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยหลังการประชุมยืนยันว่า ขณะนี้สอบปากคำพยานไปแล้วกว่า 10 คน เบื้องต้นยังไม่พบหลักฐานว่ามีการเรียกรับเงินตามถูกกล่าวอ้าง
ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบวัตถุพยาน ทั้งกล้องวงจรตามจุดต่างๆ กล้องหน้ารถของคนขับแกร็บ และกล้องคอมแบตคาเมร่าที่ติดตัวของตำรวจ ทั้งหมดถูกส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานแล้ว
เบื้องต้นยืนยันแล้วว่า กล้องหน้ารถของคนขับแกร็บไม่สามารถกู้ไฟล์ภาพวิดีโอได้ถึงวันที่เกิดเหตุ เนื่องจากระยะเวลาผ่านเลยมานานกว่า 20 วัน แต่ในส่วนอื่นๆ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติม ซึ่งผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับตำรวจที่ปฎิบัติหน้าที่ในวันดังกล่าว และการตรวจค้นพบบุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมายสามารถดำเนินคดีได้ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พร้อมยืนยันว่าไม่มีใครยื่นบุหรี่ไฟฟ้าให้สาวชาวไต้หวันตามที่กล่าวอ้าง
ในส่วนของเพื่อนชายทั้ง 3 คนที่เดินทางมาด้วยกันในวันเหตุ ขณะนี้พบว่าทั้ง 3 คน เดินทางออกนอกประเทศไปแล้วตั้งแต่วันที่ 5 และวันที่ 9 มกราคม โดยเดินทางตามสาวชาวไต้หวันคนดังกล่าว ซึ่งปลายทางไม่ใช่ที่เดียวกัน
ขั้นตอนหลังจากนี้จะให้กองบังคับการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประสานไปยังกระทรวงต่างประเทศ เพื่อประสานไปยังหน่วยงานของไต้หวันให้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจไต้หวัน เข้าไปสอบปากคำหญิงสาวคนดังกล่าว หากตำรวจไต้หวั ต้องการให้ตำรวจไทยร่วมสอบปากคำด้วย ก็พร้อมจะส่งเจ้าหน้าที่ไปสอบทันที
ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทบถึงความเชื่อมั่นการท่องเที่ยวในประเทศไทย จึงต้องการให้สาวชาวไต้หวันเข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงกับตำรวจเพื่อให้กระจ่างมากขึ้น และขอให้สังคมออนไลน์ติดตามข้อมูลต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น ยืนยันว่าไม่ได้ปกป้องหรือทำลายพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดกล่าว ทั้งนี้หากพบว่ามีการรีดทรัพย์สาวชาวไต้หวันจริงก็จะดำเนินการโดยไม่ละเว้นทางวินัยและอาญา