เปิดใจ "บิ๊กป้อม" ใจบันดาลแรง พร้อมนั่งนายกฯ คนที่ 30 ย้ำสัมพันธ์ 3 ป. แยกกันเดินเฉพาะการเมือง ไม่มีอะไรแยกจากความเป็นพี่น้องได้
วันนี้(30 ม.ค.)พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษในงานระดมทุน ถึงกรณีที่เคยระบุว่า ใช้ใจบันดาลแรงว่า เนื่องจากสังขารตนมันร่วงโรยมามาก ต้องอาศัยจิตใจ ต้องเอาใจบันดาลแรง เพื่อให้มีกำลังใจ มีแรงทำงานต่อไป ทำให้ใจมาก่อน แล้วแรงมาทีหลัง ซึ่งตอนพูดไปก็รู้สึกใจฟู
จากนั้น พล.อ.ประวิตรได้ตอบคำถามที่หลายคนติดใจเมื่อถูกสื่อมวลชนถามแล้วตอบว่าไม่รู้ พล.อ.ประวิตร ตอบว่า ไม่รู้ไม่มีแล้ว และที่ตอบว่าไม่รู้คือไม่รู้จริงๆ แต่ความจริงอาจจะรู้ แต่ที่ตอบว่าไม่รู้เพราะมีผู้ที่รู้มากกว่า ตนต้องให้คนที่รู้มาแนะนำสั่งสอนว่าทำงานอย่างไร จะได้รู้เท่ากับคนที่รู้ คนที่รู้มีอยู่รอบตัวตนเต็มไปหมด จะได้นำความรู้มาใส่ตัวตนเท่าที่จะทำได้ วันนี้รู้แล้ว พร้อมแล้ว
เมื่อพิธีกรสอบถามว่า สามารถสอบถามเรื่องส่วนตัวได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “เอาเลย อยากถามอะไรก็ถามเลย วันนี้ผมเป็นตัวของตัวเอง” จากนั้น พล.อ.ประวิตรได้เปิดเผยว่า ชีวิตสมัยเป็นทหารกับการเป็นนักการเมืองเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แต่เรียกว่าตกกะไดพลอยโจนก็ได้ ที่ผ่านมาอยู่ในกองทัพบกมาโดยตลอด พยายามทำให้ดีที่สุด เพื่อให้กองทัพบกเจริญรุ่งเรือง พอเกษียณอายุราชการก็ถูกเชิญไปเป็น รมว.กลาโหม 3 ปี ก่อนจะมีโอกาสเข้ามาเป็นรองนายกฯ และรมว.กลาโหม ซึ่งตนไม่ค่อยทราบว่าจะต้องทำอย่างไร แต่ประสบการณ์ที่ได้ทำงานร่วมกับนักการเมืองกว่า 10 ปีทำให้พอทราบว่าเป็นอย่างไร ยืนยันว่าเคารพทุกคน เพราะในชีวิตการทำงานของตน ผ่านศึกสงครามมามาก แต่พยายามทำเพื่อประเทศชาติ เพื่อกองทัพ และประชาชนมาโดยตลอด
เมื่อถามว่า ชีวิตประจำวันพล.อ.ประวิตร ชอบทำอาหารใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนทำอาหารมาโดยตลอดอยู่แล้วเรียกได้ว่าทำเลี้ยง 3 ป. มาตลอด รวมถึงทำให้กองทัพ ส่วนตัวเห็นว่าทำผัดซีอิ้ว ราดหน้า เก่งมาก สามารถเปิดร้านขายได้ ใครจะพาไปเปิดก็เอาไปได้ รวมถึงเมนูข้าวหน้าไก่ อร่อยขนาดที่ร้านดังก็สู้ไม่ได้ เคยทำให้ 3 ป.กิน คือ ต้มเนื้อ กะเพราะเนื้อ ไข่เจียว ก๋วยเตี๋ยว ทำให้ตั้งแต่หนุ่มๆ ตอนนี้แก่แล้ว
เมื่อถามถึงความสัมพันธ์กับ 3 ป. พล.อ.ประวิตร ตอบว่า อยู่ด้วยกัน 3 คนมาอย่างยาวนานตั้งแต่ตน เป็นผบ.ร้อย ร่วมแรงร่วมใจกันทำงานเพื่อประเทศชาติและกองทัพมาโดยตลอด เติบโตกันมาก็เลย กระทั่งตนเป็นผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 เมื่อตนออกจากดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกพลเอกประยุทธ์ก็เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 พล.อ.อนุพงษ์เป็นผู้ช่วยผบ.ทบ. ส่วนตนเองดำรงตำแหน่งเป็นรมว.กลาโหมตนเคยอยู่บ้านเดียวกันนอนห้องเดียวกัน 3 คนรวมกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง ซึ่งเป็นพล.อ.เช่นเดียวกัน จึงเรียกได้ว่ามีความสนิทสนมเป็นกันเองอย่างที่อย่างน้อง ไม่มีอะไรที่แยกจากกันได้จากความเป็นพี่เป็นน้อง นักการเมืองจะไปคนละทาง แต่ก็แยกเฉพาะการเมือง เพราะการเมืองอาจเห็นไม่เหมือนกันได้
เมื่อถามถึงเคล็ดลับในการเอาใจลูกน้องคืออะไร เอามาใช่กับการเมืองได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า สิ่งที่ตนใช้มาโดยตลอดจนถึงทุกวันนี้ คือความจริงใจ ทำอะไรก็จะบอกโดยไม่โกหกพูดตรงไปตรงมา ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตมาโดยตลอดจึงฝากของทุกคนว่าตนตั้งใจและจริงใจต่อทุกคนไม่ว่าใครทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นเพื่อนฝูงพี่น้องหรือผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่ว่าพูดอะไรไปนั่นคือคำพูดจากใจของตน
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า สำหรับสิ่งที่อยากจะแก้ไขที่สุดคือเรื่องปัญหาความยากจนทั้งชาวนาชาวไร่เกษตรกร คนหาเช้ากินค่ำ เป็นกลุ่มที่เราต้องดูแลให้อยู่ให้ได้เพื่อให้ประเทศก้าวหน้าต่อไป เมื่อถามถึงฮีโร่ในดวงใจของ พลเอกประวิตร ตอบด้วยความมั่นใจว่าคือ คุณแม่ของตนที่สามารถเลี้ยงลูกชาย 5 คน ได้ดีหมดทุกคน และมีความสุขทุกวันนี้มีความเจริญรุ่งเรืองทุกคนมีอาชีพที่ดีความเป็นอยู่ที่ดีทุกคน
เมื่อถามว่า วันนี้ถือว่าพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 แล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ถ้าถามว่าผมพร้อมไหม ผมก็ต้องพร้อม แต่จะได้หรือไม่ได้อยู่ที่ประชาชน ถ้าประชาชนเลือกผมก็พร้อมและยินดีที่จะทำ แต่ถ้าไม่เลือกผมก็กลับบ้าน"
ในช่วงท้ายพล.อ.ประวิตร กล่าวว่า"วันนี้รู้แล้ว พร้อมแล้ว ผมพร้อม พร้อมที่จะเป็นนายกฯ แต่อยู่ที่คนเลือกนะครับ"