หนุ่มโคราชร้องสื่อหลังหลานสาวถูกหลอกโอนเงินเหยื่อแก๊งหลอกหาเงินจากการดูยูทูป วอน ตร.เร่งหาคนร้ายหวั่นเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอธิชัย ศรีพันธ์ อายุ 39 ปี ได้ร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนหลังจากที่หลานสาวของตนถูกหลอกให้โอนเงินให้กับแก๊งที่หลอกหาให้ร่วมลงทุนจากการดูวีดีโอจากยูทูปจนหลงเชื่อก่อนที่จะโอนเงินไปให้กับแก๊งดังกล่าวจนสูญเงินไปกว่า 3 แสนบาท

 

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปพบกับนายอธิชัย ศรีพันธ์ อายุ 39 ปี อาศัยอยู่ที่ ต.หนองไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครราชสีมา โดยนายอธิชัย  ศรีพันธ์ ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ม.ค.65 ที่ผ่านมา หลังจากที่หลานสาวของตนได้ไปเห็นลิงก์โฆษณารับสมัครงานหาคนดูคลิปวีดีโอจากยูทูปผ่านจากแอปพลิเคชั่นไอจี ก่อนที่หลานของตนจะหลงเชื่อกดสมัครเข้าไปจนได้มีการพูดคุยกับแอดมินผ่านทางไลน์ ก่อนที่ทางแอดมินจะให้หลานของตนโอนเงินจำนวน 100 บาท เพื่อสมัครเข้าทำงานดูคลิปวีดีโอจากยูทูปโดยมีการอ้างว่าเงินที่โอนเข้าไปจะเป็นเงินลงทุนโดยหลานของตนจะได้เงินส่วนแบ่งจากยอดวิวของยูทูปที่ทางแอดมินส่งมาให้ดู โดยทางคนที่อ้างว่าเป็นแอดมินก็ได้มีการส่งโปรโมชั่นเงื่อนไขในการทำงานมาให้หลานของตนดู โดยที่ภายในเงื่อนไขโปรโมชั่นก็มีการบอกรายละเอียดเกี่ยวกับการดูคลิปวีดีโอที่เป็นมิวสิกวีดีโอโดยเริ่มต้นที่ 5 เพลง ได้จะเงิน 200 บาท ต้องจ่ายค่าประกัน 100 บาท จนไปถึง 50 เพลง ได้เงิน 5,000 บาท จ่ายเงินประกัน 1,000 บาท ก่อนที่หลานของตนนั้นจะสนใจจำนวน 20 เพลง จึงโอนเงินประกันไป 400 บาท ผ่านธนาคารทหารไทย ชื่อบัญชีปลายทาง สุมลรัตน์  พรมจันทร์ หลังจากโอนเงินทางแอดมินก็แจ้งกลับมาว่าเบิกงานให้หลานของตนไม่ทันทำให้ต้องหางานอื่นมาให้เป็นการกดรับสินค้าพร้อมกับส่งขั้นตอนการทำงานมาให้ดูแต่พอหลานของตนกดเข้าไปก็มีปัญหาจนหลานของตนเริ่มไม่มั่นใจและจะขอยกเลิกบัญชีที่สมัครดูคลิปวีดีโอจากยูทูปซึ่งค่าปิดบัญชีอยู่ 500 บาท ซึ่งหลานของตนก็โอนไป ซึ่งโอนไปที่บัญชีธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชีนายมนตรี  วาอุบล เป็นเงิน 500 บาท ก่อนที่ในวันที่ 29 ธ.ค.65 ทางแอดมินจะทักกลับมาว่างานยูทูปว่างแล้วแต่หลานของตนก็ไม่ตอบกลับไปจนมาในวันที่ 7 ม.ค.66 ที่ผ่านมา ทางแอดมินก็ส่งข้อความมาว่าในลักษณะเชิงข่มขู่ว่า “สวัสดีค่ะ ยูสเซอร์ของคุณ (ไม่งั้นจะมีผลกระทบต่อหน้าที่การงานและเรียน) และในข้อความที่ส่งมาก็มีการขู่เรื่องการกระทำผิดกฎหมายจนทำให้หลานของตนกลัวจึงต้องรีบโอนเงินเพื่อทำการปิดบัญชีไปอีก 500 บาท ไปที่บัญชีธนาคารทหารไทย ชื่อบัญชี น.ส.ปรารถนา  หุริน ก่อนที่ทางแอดมินจะหลอกหลานของตนในเรื่องขั้นตอนการปิดบัญชีทำให้หลานของตนต้องโอนไปยังบัญชีเดิมอีก 2 ครั้ง ครั้งละ 500 บาท รวมเป็นเงิน 1,500 บาท และค่าเอกสารอีก 1,500 บาท ซึ่งหลานของตนโอนจนไม่เหลือเงินแล้ว จึงได้มาขอยืมโทรศัพท์ของยายซึ่งมีเงินเก็บอยู่ในบัญชีประมาณ 3 แสนบาท ทางหลานของตนได้มาขอยืมโทรศัพทฺยายก่อนที่จะออกไปอยู่บ้านอีกหลังที่อยู่ข้างๆกัน และไปติดต่อกับทางแอดมินที่มาหลอกให้ทำงาน ซึ่งหลังจากนั้นก็มีการโอนเงินไปอีกหลายรอบจนรอบสุดท้ายยอดเงินที่ต้องโอนคือ 180,000 บาท โดยทางแอดมินแจ้งว่าเป็นค่าภาษีซึ่งหลานของตนก็โอนไปจนหมดบัญชีโดยรวมยอดเงินของหลานที่โอนไปก่อนหน้านี้ด้วยเป็นเงินทั้งหมด 302,500 บาท ซึ่งเงินในบัญชีของยายนั้นเป็นเงินบำนาญของตาที่เกษียณอายุราชการแล้วอีกส่วนหนึ่งก็เป็นเงินที่แม่ของน้องนั้นโอนมาเก็บไว้เป็นทุนการศึกษา โดยเรื่องนี้ตนมารู้ในวันเดียวกันคือวันที่ 7 ม.ค. ตอนที่หลานโทรไปยืมเงินกับป้าซึ่งป้าตอบกลับมาว่าหลานกำลังถูกหลอก ในระหว่างนั้นหลานของตนก็วิ่งออกจากบ้านไปบ้านอีกหลังหนึ่งข้างๆกันและไปนั่งอยู่ที่ระเบียงร้องไห้ฟูมฟายและกรี๊ดร้องจนตนต้องเข้าไปปลอบจึงยอมลงมา ซึ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นหลานของตนก็ตกอยู่ในอาการผวา นอนไม่หลับ ซึ่งตนกลับหลานของตนจะคิดสั้นเหมือนกับข่าวที่เด็กวัย 15 ปี ผูกคอเสียชีวิตทำให้ตนต้องมานอนเป็นเพื่อหลานทุกคืนตั้งแต่เกิดเหตุ ซึ่งในระหว่างนั้นหลานของตนก็ต้องกินยาคลายเครียด ยานอนหลับ กินเข้าวก็ไม่ได้ กลางคืนก็นอนผวา นอนละเมอว่า เมื่อไรตำรวจจะจับคนพวกนี้ได้ เมื่อไหร่จะเอาเงินมาคืนยายกับตาเพราะมันเป็นเงินของยายกับตา

 

หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนก็ได้มีการแจ้งความไปยัง สภ.เมืองนครราชสีมา แต่ก็ได้รับคำแนะนำว่าให้แจ้งกับทางตำรวจไซเบอร์ ทางกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี แต่จนถึงวันนี้ก็ไม่มีความคืบหน้าของคดี ซึ่งตนอยากฝากไปยังตำรวจที่รับผิดชอบอยากให้ช่วยเร่งรัดเรื่องคดีให้เร็วขึ้นเพราะไม่อยากให้มีเหยื่อแบบหลานของตนเกิดขึ้นอีก และอยากฝากไปยังผู้ปกครองในเรื่องการดูแลบุตรหลานอยากให้ดูแลอย่างใกล้ชิดและคอยสังเกตพฤติกรรมผิดสังเกตอยู่ตลอดเวลาเพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นอีก