CHASE ผู้นำวงการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ สยายปีก ลุย IPO มั่นใจศักยภาพแข็งแกร่ง พร้อมสร้างผลตอบแทนที่ดีให้นักลงทุน
บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด (มหาชน) (“CHASE” หรือ “บริษัทฯ”) หนึ่งในผู้นำการให้บริการจัดการหนี้สินอย่างครบวงจร เดินหน้าเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 562 ล้านหุ้น หลังจากที่ ก.ล.ต. ได้อนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์แล้ว พร้อมเดินหน้าขยายและต่อยอดการเติบโตของธุรกิจ โดยชูศักยภาพความเป็นผู้นำในวงการบริหารหนี้ จากประสบการณ์กว่า 25 ปี เสริมทัพด้วยทีมผู้บริหารมากประสบการณ์ และบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านการเงินและกฎหมาย ทำให้ CHASE เติบโตเป็นบริษัทบริหารหนี้สินอย่างครบวงจรที่โดดเด่นที่สุดในอุตสาหกรรม และได้รับความไว้วางใจทั้งจากสถาบันการเงินชั้นนำ รวมถึงพันธมิตรสำคัญ อาร์เอส กรุ๊ป ซึ่งเข้าร่วมลงทุนผ่านบริษัทย่อยในสัดส่วน 35% ด้วยเล็งเห็นถึงโอกาสการเติบโตของบริษัทฯ
คุณประชา ชัยสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CHASE กล่าวว่า “จากข้อมูลสถิติ ปริมาณสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ในระบบมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามยอดสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ที่เพิ่มขึ้นจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่ผ่านมา และการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก โดยในปี 2564 มีอัตราส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมของธนาคารพาณิชย์มากถึง 531,000 ล้านบาท และคาดว่าธนาคารพาณิชย์จะต้องทยอยขายหนี้เสียออกมาหลังหมดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้จากผลกระทบของโรค COVID-19 ในช่วงสิ้นปี 2565 ทำให้เป็นโอกาสในการซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว โดย GDP ในปี 2565-2566 ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่าจะสูงขึ้นเป็น 3.3% และ 3.7% ตามลำดับ จากการเปิดประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้การจ่ายชำระของลูกหนี้ดีขึ้น ในฐานะที่ CHASE เป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพครบวงจร มองว่าปีนี้น่าจะเป็นปีที่ดีของธุรกิจ เนื่องจากน่าจะมีสินทรัพย์ด้อยคุณภาพออกมาในตลาดมาก ขณะที่การจ่ายชำระของลูกหนี้ดีขึ้น”
“ปัจจุบัน CHASE มีธุรกิจหลัก ได้แก่ บริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจากการรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจากสถาบันการเงิน พร้อมให้บริการติดตามทวงถามและเร่งรัดหนี้สิน และมีบริการดำเนินคดีแบบครบวงจร โดยมีทีมบริหารที่แข็งแกร่ง มากประสบการณ์และทีมงานติดตามทวงถามพร้อมทั้งทีมกฎหมายที่ทำหน้าที่ติดตามและบริหารหนี้อย่างครบวงจรรวมกันมากกว่า 400 คน จึงทำให้คุมการบริหารจัดการและต้นทุนได้อย่างเบ็ดเสร็จ ภายใต้กลยุทธ์หลักทางธุรกิจที่ใช้สร้างการเติบโตให้แก่บริษัทฯ อย่างยั่งยืน ได้แก่
1. ขยายพอร์ตเงินให้สินเชื่อแก่สินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL)
2. เพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามหนี้ผ่านระบบอัตโนมัติ
3. พัฒนาและขยายทีมติดตามทวงหนี้และเร่งรัดหนี้สิน
4. สร้างความสัมพันธ์กับสถาบันการเงินต่าง ๆ
5. เพิ่มประสิทธิภาพในการบริการและเพิ่มช่องทางการสื่อสาร
นอกจากนี้ CHASE เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจการจัดเก็บและการบริหารหนี้เสีย มีผลการติดตามและบริหารหนี้ในอดีตที่ดี ส่งผลให้ได้รับความไว้วางใจและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับสถาบันการเงินชั้นนำอีกด้วย” คุณประชา กล่าวเสริม
ด้าน คุณวรลักษณ์ ชัยสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน กล่าวว่า “สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานที่ผ่านมา CHASE เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงระหว่างปี 2562 – 2564 โดยมีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) กว่า 10.8% รายได้ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจบริหารสินทรัพย์จากการรับซื้อหรือโอน NPL ประมาณ 60% และธุรกิจติดตามทวงถามและเร่งรัดหนี้สินอีกประมาณ 34% ในขณะเดียวกัน กลุ่มบริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิที่ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากมีการเติบโตของรายได้ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าการเติบโตของต้นทุนการให้บริการและค่าวิชาชีพ อย่างไรก็ดี ในช่วง ไตรมาส 3/2565 อัตรากำไรสุทธิปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า จากการตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) ที่เพิ่มขึ้น โดยฐานะทางการเงินของกลุ่มบริษัทฯ ณ ไตรมาส 3/2565 กลุ่มบริษัทฯ มีสินทรัพย์ 2,875.5 ล้านบาท และอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) เท่ากับ 0.4 เท่า ซึ่งรองรับโอกาสในการเข้าซื้อ NPL ของกลุ่มบริษัทฯ ในอนาคต”
คุณพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า “CHASE เป็นบริษัทที่มีความแข็งแกร่งและมีประสบการณ์ในธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพมาอย่างยาวนาน ผลจากจัดเก็บหนี้เสียที่ซื้อมาบริหารในอดีตอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเมื่อเทียบกับคู่แข่ง นอกจากนี้ ธนาคารพาณิชย์ให้ความเชื่อถือในการติดตามทวงถามหนี้ ซึ่งสามารถบริหารจัดการได้อย่างมืออาชีพ ทั้งยังช่วยเหลือลูกหนี้อย่างเต็มที่ และมีความสามารถในการจัดเก็บหนี้ที่ต้องมีการบังคับใช้กฎหมาย ดูได้จากอัตราค่าคอมมิชชั่นที่สูงกว่า 20% เนื่องจาก CHASE มีความสามารถในการตามเก็บหนี้สินที่ตามเก็บยาก ทำให้ธนาคารส่งหนี้ในลักษณะดังกล่าวให้ CHASE มากกว่าบริษัทอื่น ๆ และส่งผลให้ CHASE มีโอกาสในการเติบโตสูง ดังนั้น เงินที่ได้จากการระดมทุน IPO บริษัทฯ จะใช้ในการซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจากสถาบันการเงิน และเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของบริษัทฯ โดยภาพรวมเศรษฐกิจประเทศไทยในปี 2566 น่าจะดีขึ้นจากการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ซึ่งจะทำให้ลูกหนี้สามารถจ่ายชำระหนี้ได้ดีขึ้น ส่งผลดีต่อการเติบโตของธุรกิจยิ่งขึ้นไปอีก”
“ขณะนี้ ก.ล.ต. ได้แจ้งอนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหุ้น CHASE ให้กับประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 562 ล้านหุ้นแล้ว ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้จะช่วยผลักดันให้กลุ่มบริษัทฯ สามารถเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างเต็มศักยภาพ พร้อมเสริมความแข็งแกร่ง และต่อยอดการเติบโตของบริษัทฯ อย่างไม่หยุดยั้ง ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการให้บริการจัดการหนี้สิน ที่พร้อมเป็นผู้สนับสนุนพันธมิตรในการติดตามทวงถามหนี้ ในขณะเดียวกันก็เป็นที่ปรึกษาและให้ความรู้คู่วินัยในการบริหารหนี้ให้กับลูกหนี้” คุณประชา กล่าวปิดท้าย